พิมพ์

[raponsan]

วิจารณ์แซดบวช 'สามเณรี'ที่เชียงใหม่
'พศ.' ชี้ตามแบบศรีลังกาไม่ผิดกฎสงฆ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) ถึงความไม่เหมาะสม และตั้งคำถามต่างๆ นานา กรณีเฟซบุ๊กของสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อารามแห่งความดับทุกข์ และในเว็บไซต์ www.nirotharam.com ได้เผยแพร่ภาพผู้หญิงจำนวนมากได้บวชเป็นสามเณรี โดยในเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุกำหนดการบรรพชาสามเณรี จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา

มีพิธีบรรพชาตามแบบศรีลังกา โดยภิกษุณีสุมิตรา ปวัตตินี (ศรีลังกา) และภิกษุณีสันธนันทา (ศรีลังกา) ซึ่งทางสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธารามได้ชี้แจงในเฟซบุ๊กว่า การบรรพชาสามเณรีเกิดจากเจตนารมณ์และศรัทธาของกลุ่มอุบาสกอุบาสิกาที่มีต่อพระรัตนตรัยอย่างยิ่ง ไม่ได้เกิดจากเจตนารมณ์ใดๆ ของสังฆะภิกษุณี หรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่งที่นิโรธาราม

พระภิกษุณี นันทญาณี (รุ้งเดือน สุวรรณ)
นามเดิม รุ้งเดือน นามสกุล สุวรรณ ปัจจุบันอายุ 58 ปี
เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2497 ณ ต.ท่าข้ามเหนือ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี จากภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ยังมีข้อความของสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธารามระบุไว้ด้วยว่า เนื่องจากมีญาติโยมจำนวนมากได้เข้ามาปรารภกับท่านแม่ชีนันทญาณี (รุ้งเดือน สุวรรณ) ถึงสภาพปัญหาสังคมว่า ในปัจจุบันมีคนที่มีความทุกข์ทางใจในการดำเนินชีวิตมากขึ้น

และได้ขอร้องให้แม่ชีนันทญาณีพร้อมด้วยคณะแม่ชี 5 รูป ผู้ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเวลาสิบกว่าปี ให้ช่วยนำพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาช่วยแนะนำ พร้อมทั้งเผยแพร่พร่ำสอนให้ชาวบ้านได้มีหลักธรรมในการดำเนินชีวิต ให้เกิดประโยชน์และความสุขแก่ทั้งครอบครัวตนเอง และบุคคลอื่น 

    ซึ่งได้มีญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธาหลายท่านได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายให้กับท่านแม่ชีนันทญาณี
   พร้อมคณะแม่ชี เปิดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมสำหรับผู้หญิง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2538 รวมทั้งสิ้น 19 ไร่
   และได้รับความเมตตาจากพระภาวนาวิสุทธาจารย์ (หลวงพ่อทองใบ วัดอภิญญาเทสิตธรรม) ตั้งชื่อให้ว่า       
   "สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม" ซึ่งมีความหมายว่า "อารามแห่งความดับทุกข์"

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ในระเบียบของคณะสงฆ์ไทยไม่อนุญาตให้บวชสามเณรี ที่ผ่านมาคณะสงฆ์ไทยอนุญาตเฉพาะสามเณร ซึ่งจะเป็นผู้สืบทอดไปยังพระสงฆ์ ส่วนผู้หญิงมีเฉพาะการบวชชี และการบวชศีลจาริณี (บวชชีพราหมณ์) ที่สำคัญประเทศไทยไม่มีการบวชของภิกษุณี

ดังนั้น จึงไม่มีการบวชสามเณรีแน่นอน ส่วนกรณีของสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธารามดังกล่าวนั้น เบื้องต้นทราบว่า เป็นการบวชสามเณรีตามแบบศรีลังกา ซึ่งถือว่าไม่ได้ทำผิดกฎคณะสงฆ์ไทย เหมือนอย่างหลายๆ กรณีที่มีผู้หญิงไปบวชเป็นภิกษุณีที่ประเทศอื่นที่มีการอนุญาตให้บวช แล้วกลับมาอยู่ในประเทศ อย่างไรก็ตาม จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343707691&grpid=03&catid=&subcatid=
http://www.nirotharam.com/,http://hilight.kapook.com/

[แพนด้า]

ถ้าเราสนับสนุนให้มีการบวช ภิกษุณี เท่ากับเราเป็นผู้ทำลายศาสนาหรือไม่ครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8295.0

   อยากให้ย้อนไปว่า ทำไมประเทศไทย จึงเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกในขณะนี้ เพราะวิถึพุทธในเมืองไทยยังรักษาแบบแผน ตามครั้งพุทธกาล ตามแนวทางเถรวาท

    หลายท่านอาจจะชื่นชมยินดี ต่อผู้ที่มาบวชเป็น สามเณรี บ้าง ภิกษุณี บ้าง ถามผมควรจะอนุโมทนา ใช่หรือไม่ครับ แต่ผมเจอประโยค สอบถามกลับจากครูอาจารย์แล้วก็อืั้ง ว่า วันนี้ เราเคารพพระพุทธเจ้า จริงหรือป่าว ในขณะที่เราภาวนาพระพุทธคุณ และ ก็ดื้อรั้นต่อคำสั่ง อันเป็น โพธิญาณ

     กราบขอขมาเพื่อ ภาวนา พระกรรมฐาน แต่ปรามาส ไม่เคารพความเห็นของพระพุทธเจ้า แล้วการขอขมาจะสัมฤทธิผลหรือไม่

     วันนี้ผมอนุโมทนา ยินดีที่สตรี เข้ามาปฏิบัติธรรม แต่ไม่สนับสนุนให้ฝีนพระดำรัสของพระพุทธเจ้า และผมก็จะไม่ร่วมส่งเสริมให้เป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำตอนนี้ คือการมุ่งตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า และ ไม่ก่อกรรมที่จะทำให้พระศาสนา มีอายุน้อยลง

    ด้วยความปรารถนาให้พระพุทธศาสนานี้ มีอายุตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์แก่ชนที่ควรในสมัย ด้วยบุญกุศลนี้ ผมจึงขอปฏิเสธการร่วมมือที่จะให้เกิด กลุ่มสามเณรี และ ภิกษุณี ตามพุทธดำรัส