ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บุญใหญ่แผ่นดินแม่..ศรัทธาไทยสู่เนปาล  (อ่าน 1521 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29309
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

บุญใหญ่แผ่นดินแม่..ศรัทธาไทยสู่เนปาล

“ลุมพินีแห่งศรัทธา พุทธบูชาถวายพ่อ–แม่ของแผ่นดิน”
งานบุญใหญ่ข้ามประเทศ ที่แสดงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ ที่น่าภาคภูมิใจสำหรับพุทธศาสนิกชนไทย

บุญใหญ่นี้มีที่มาที่ไปเริ่มมาตั้งแต่ปี 2554... “โครงการบูรณ-ปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 84 พรรษามหาราชา และ 80 พรรษามหาราชินี

ดำเนินโครงการโดยคณะกรรมการกองทุนลุมพินีสถาน โดยมี สมเด็จพระพุทฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการฝ่ายสงฆ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการฝ่ายฆราวาส และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ



นับตั้งแต่ได้รับอนุญาตจากกองทุนพัฒนาลุมพินี รัฐบาลเนปาล ตลอดจนคณะกรรมการมรดกโลก ให้บูรณปฏิสังขรณ์...วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยว่า การบูรณะครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณะครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่พุทธปรินิพพาน ครั้งแรกโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ครั้งที่สองโดย ฯพณฯ อูถั่น เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ

ผ่านมาถึงวันนี้  “โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เหลือเพียงเฟสสุดท้าย เฟสที่ 3

ก่อสร้างถนนเข้าสู่สวนอันศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Garden) บริเวณจุดที่พระพุทธเจ้าประสูติ ความยาว 1 กิโลเมตร พร้อมทางเดิน 2 ข้าง รวมทั้งจัดสร้างลานประดิษฐาน “พระพุทธเจ้าน้อย” อาคารอเนกประสงค์ ห้องพยาบาลฉุกเฉินพร้อมห้องน้ำ เพื่อบริการแก่พุทธศาสนิกชน ที่เดินทางมาสักการะสถานที่ประสูติจากทั่วโลก

คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า เรายังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อให้พลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่สำเร็จลุล่วง เสร็จสมบูรณ์ วันนี้โครงการลุมพินีแห่งศรัทธา พุทธบูชาถวายพ่อ-แม่ของแผ่นดินยืนยันความสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่งทาง

ย้อนนึกถึงธรรมะของ พระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ)

พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย เจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล ที่บอกว่า สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในโลกที่เกี่ยวกับพุทธศาสนามี 4 แห่ง ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และนิพพาน...สี่แห่งนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใครได้ทำให้สังเวคธรรมเกิดขึ้น จะมีความห้าวหาญ มีกำลังเพียงพอแก่การไม่ตกนรก สถานที่สี่แห่งนี้เสมือนที่นัดพบที่พระพุทธเจ้านัดว่ามีพลังที่สุด



“ชาวโลกทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธนับเป็นพันๆล้านทั่วโลกมีความหมายปองที่จะมาที่ทั้งสี่แห่งนี้ มาไหว้พระแล้วก็ไป แต่ที่ลุมพินีเคยรุ่งเรืองเมื่อครั้งพระพุทธเจ้า เป็นป่าใหญ่ แล้วก็ทรุดโทรม...ที่สำคัญในบรรดาที่ทั้งสี่แห่ง ถ้าไม่มีที่เกิด...ทั้งสามแห่งก็ไม่มี”

“แผ่นดินแม่” ที่ประสูติพระพุทธเจ้า พระราชรัตนรังษี บอกว่า แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินที่พระพุทธเจ้าประสูติ บุคคลที่ให้กำเนิดคือพระนางสิริมหามายา พระนางเป็นพุทธมารดา เสด็จมาที่นี่แล้วให้การเกิด อยู่ได้เพียง 7 วันก็เสด็จทิวงคต

แผ่นดินนี้จึงเป็นแผ่นดินที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกเองว่าเป็นแผ่นดินที่ควรจะรองรับฝ่าพระบาท...ฉะนั้นที่ตรงนี้จึงมีคำว่าแม่ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ใครมาถึงที่ตรงนี้ก็มักมีความระลึกถึงสิ่ง 3 สิ่งที่เกี่ยวข้องกันกับการเกิด นั่นก็คือ การเกิดของเรา, การเกิดของบุคคลที่ท่านให้เราเกิดคือพ่อแม่ และการเกิดของบุคคลที่เราให้เขาเกิด ลูกเต้าเหล่ากอของเรา

ลุมพินีจึงมีพลังมากที่สุดเกี่ยวข้องกับการเกิด คนที่มาทำบุญที่นี่หรืออยากจะทำบุญที่นี่ ทำได้ 4 ทางทำกับพระที่บ้าน ใครมีแม่อยู่ที่บ้านก็ช่วยดูแลแม่ตัวเอง บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นแม่ของลูก...ก็ดูแลเขาดีๆ นั่นคือการทำบุญอย่างที่หนึ่ง



ถัดมา...ทำบุญให้แม่ของประเทศ ทำคุณงามความดีให้กับประเทศไทย และสุดท้ายทำบุญให้กับแม่ของโลกกับพระนางสิริมหามายาในสถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า

เทศกาลวันแม่นี้ แม่จะชวนลูกหรือลูกจะชวนแม่เป็นสะพานบุญสู่แผ่นดินแม่ร่วมกันและฟังเสวนาธรรม ระหว่างวันที่ 9–16 สิงหาคม 2555 ได้ที่ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิล์ด (ฝั่งอิเซตัน)

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกมาร่วมงาน ติดต่อร่วมบุญใหญ่ได้ที่ สำนักงานกองทุนโครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัม– มาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ในเวลาราชการ โทรศัพท์ 0-2971-7575 โทรสาร 0-2971-6777 เว็บไซต์ www.lumbi nidevelopment.org, www.sudarat.com

“เราทุกคนสามารถรวบรวมปัจจัยวันละบาท สองบาท พูดง่ายๆ ว่าใครจะทำบุญที่นี่ ขอให้คิดว่าเงินที่เราส่งค่าขนมให้ลูก เก็บไว้วันละเท่านั้นแหละ หรือ...สมัยเราเล็กๆ แม่เราให้เงินไปเรียนหนังสือวันละเท่าไหร่ก็เก็บวันละเท่านั้น รวบรวมไว้ รอดูประกาศว่า...จะส่งเงินอย่างไร ก็เอาเงินส่วนนั้นมาทำบุญ”

หรือไม่อย่างนั้น ถ้ามีคนรู้จักสักคนเดินทางมาอินเดีย ก็ฝากมาทำบุญที่นี่ หรือถ้าบุญกุศลมาถึงเรา มีปัจจัย หน้าที่พร้อม เราก็เดินทางมาเอง มาถวายเอง ทำบุญเอง




“ถ้าเกิดมีกำลังมากกว่านี้ ก็สามารถบอกคนที่รู้จัก เป็นสะพานบุญทอดต่อไป รวบรวมศรัทธาเพื่อจะฟื้นฟูลุมพินีวัน เป็นการให้ของขวัญวันเกิดกับตัวเราเองว่า ชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ชาติหน้าไม่แน่ หากชาติหน้าเกิดใหม่ ขอให้เกิดในแผ่นดินดีๆ ในบิดามารดาดีๆ เกิดในชีวิตที่ดีๆ”


เราได้ร่วมกันสร้างเครดิตให้กับประเทศ เสมือนหนึ่งเป็นหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศ มาประกาศความเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทยโดยใช้ศาสนา นี่จึงเรียกว่า... “เรามาเพื่อจะเป็นผู้ให้ ทำอะไรแล้วมันเบา”

ตรงกันข้าม... “ถ้าเรามาเพื่อเอา จะเอาอย่างโน้น จะเอาอย่างนี้ อย่างนี้ผิดหวังตั้งแต่คิด ประเทศนี้ไม่มีอะไรที่เราเอาได้เลย นอกจากที่จะเป็นส่วนของการปฏิบัติแล้วเพื่อให้เราจึงจะได้รับผลประโยชน์”

ศรัทธาเนี่ยเป็นเรื่องสำคัญ เราทำงานที่ใดก็ตามแต่ เราต้องมีศรัทธา ศรัทธาคือความเชื่อ

เชื่อในอะไร...หนึ่งเชื่อในพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลต้นแบบ พระองค์เป็นบุคคลต้นแบบให้เราปฏิบัติ หน้าที่การงานได้สมบูรณ์ทั้งทางโลก ทางธรรม เรามีความศรัทธาบุคคลต้นแบบคือมนุษย์ต้นแบบก่อน



สอง...มีความศรัทธาต่อตัวเราเอง มีความเชื่อมั่นต่อตัวเราเอง เชื่อว่าเราเป็นชาวพุทธ เราต้องทำงานเพื่อที่จะได้ประกาศถึงความเป็นผู้มีศาสนาแล้วมีศักยภาพ พระพุทธเจ้าสอนอยู่นี่เอง...อยู่ที่ลุมพินีวัน พระองค์เกิดมาจากท้องแม่ พระองค์ตรัสว่า... “เราเป็นผู้เลิศที่สุด เราประเสริฐที่สุด เราเจริญที่สุด”

คำว่า “เรา” พระองค์ตรัสแทนมนุษย์ทั้งหลายว่ามนุษย์นี่แหละเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ไม่มีใครจะประเสริฐเกินกว่ามนุษย์ เทวดาทั้งหลายในโลกหล้าจะไม่สามารถลิขิตชีวิตมนุษย์ที่มีคุณธรรมเต็มได้เลย ที่ตรงนี้จึงมีความศรัทธาต่อตัวเราเองว่า ทุกอย่างสำเร็จด้วยมือเรา

และสาม...เรามีศรัทธาต่อกฎแห่งกรรมว่าเราทำงานมากได้มาก...ทำน้อยได้น้อย ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ทำดีได้ดี...ทำชั่วได้ชั่ว



พระราชรัตนรังษี พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย ทิ้งท้ายว่า สิ่งเหล่านี้เราต้องมีความเชื่ออย่างมั่นคง ฉะนั้นบุคคลใดมีความศรัทธาแล้วทำงาน มันกระปรี้กระเปร่า มีความสุข ทำงานไม่หนัก ทำงานไม่มีเงื่อนไข...

“คนที่ศรัทธาต่องานสิ่งใด คนที่ศรัทธาต่อใครมักจะทำสิ่งใดๆ ไม่มีเงื่อนไขกับงานนั้น สิ่งนั้น และผู้นั้น...ศรัทธาที่ว่านี้จึงเป็นศรัทธาที่จับต้องได้ พิสูจน์ได้”



ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/282626
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ