ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธเจ้า "นอนกลางวัน" หรือไม่.?  (อ่าน 5744 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระพุทธเจ้า "นอนกลางวัน" หรือไม่.?
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 11:09:23 am »
0


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์

๖. มหาสัจจกสูตร
สัจจกนิครนถ์ทูลถามปัญหา

    [๔๓๐] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรารู้เฉพาะอยู่ว่า เป็นผู้แสดงธรรมแก่บริษัทหลายร้อย.
     ถึงแม้บุคคลคนหนึ่งๆ สำคัญเราอย่างนี้บ้างว่า พระสมณโคดมแสดงธรรมปรารภเราเท่านั้น.
     ท่านอย่าพึงเห็นอย่างนั้น พระตถาคตย่อมแสดงธรรมแก่บุคคลเหล่านั้นโดยชอบ เพื่อประโยชน์ให้รู้แจ้งอย่างเดียว.


     เราประคองจิต สงบตั้งมั่น ทำให้เป็นสมาธิ ณ ภายใน ในสมาธินิมิตเบื้องต้นจนจบคาถานั้นทีเดียว
     เราอยู่ด้วยผลสมาธิเป็นสุญญะ ตลอดนิตยกาล.


     ส. ข้อนี้ ควรเชื่อต่อพระโคดมผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แต่พระโคดมย่อมรู้เฉพาะว่า พระองค์เป็นผู้หลับในกลางวันบ้างหรือ?
     พ. ดูกรอัคคิเวสสนะ เรารู้เฉพาะอยู่ว่า ในเดือนท้ายฤดูร้อน เรากลับจากบิณฑบาตในกาลภายหลังภัต ปูสังฆาฏิให้เป็น ๔ ชั้น แล้วเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ก้าวลงสู่ความหลับโดยข้างเบื้องขวา.

     ส. พระโคดมผู้เจริญ สมณะและพราหมณ์เหล่าหนึ่ง ย่อมกล่าวข้อนั้นในความอยู่ด้วยความหลง.
     พ. บุคคลเป็นผู้หลงหรือเป็นผู้ไม่หลง ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น หามิได้ ก็บุคคลเป็นผู้หลงหรือเป็นผู้ไม่หลง ด้วยเหตุใด ท่านจงฟังเหตุนั้น จงทำในใจให้ดีเราจักกล่าว บัดนี้.

     สัจจกนิครนถ์ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว.   


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  บรรทัดที่ ๗๕๕๒ - ๗๙๑๔.  หน้าที่  ๓๑๐ - ๓๒๔.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=7552&Z=7914&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=405
ขอบคุณภาพจาก http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/





อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหายมกวรรค
มหาสัจจกสูตร สัจจกนิครนถ์ทูลถามปัญหา

อรรถกถามหาสัจจกสูตร
   

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอย่างนี้ เพื่อทรงแสดงว่า
    ดูก่อนอัคคิเวสสนะ พระตถาคตเที่ยวยังบริษัทให้ยินดี พระตถาคตทรงแสดงธรรมแก่บริษัททั่วจักรวาฬ พระตถาคตมีพระทัยไม่หดหู่ ไม่แปดเปื้อน ประกอบเนืองๆ ซึ่งผลสมาบัติเป็นสุญญตะ ซึ่งเป็นธรรมเครื่องอยู่อย่างหนึ่ง ประมาณเท่านี้ดังนี้.

               บทว่า อชฺฌตฺตํ ได้แก่ อารมณ์อันเป็นภายในเท่านั้น.
               บทว่า สนฺนิสีทามิ คือ ยังจิตให้สงบ.

    จริงอยู่ ในขณะใดบริษัทย่อมให้สาธุการ ในขณะนั้นพระตถาคตทรงกำหนดส่วนเบื้องต้น ทรงเข้าผลสมาบัติ เมื่อเสียงกึกก้องแห่งสาธุการยังไม่ขาด ออกจากสมาบัติแสดงธรรมอยู่ ตั้งแต่ที่พระองค์ทรงตั้งไว้แล้ว.

    ด้วยว่าการอยู่ในภวังค์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมเป็นไปเร็วพลัน
    ย่อมเข้าผลสมาบัติได้ในคราวหายใจเข้า ในคราวหายใจออก.


    บทว่า เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ ความว่า เราอยู่ด้วยผลสมาธิ อันเป็นสุญญตะได้ตลอดกาลเป็นนิตย์ คือแสดงว่า เราประคองจิตตั้งมั่นในสมาธินิมิตนั้น.
    บทว่า โอกปฺปนิยเมตํ นั้น เป็นที่ตั้งแห่งความเชื่อ.

    สัจจกะนั้นรับว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้มีเอกัคคตาจิต บัดนี้เมื่อจะนำปัญหาที่ตนซ่อนไว้ในพก มาทูลถาม จึงกล่าวว่า อภิชานาติ ปน ภวํ โคตโม ทิวา สุปิตา.

    เหมือนอย่างว่า ธรรมดาสุนัขแม้ถึงจะได้ข้าวปายาสที่ปรุงด้วยนมจนเต็มท้องแล้วก็ตาม เวลาเห็นคูถแล้วก็อดไปกินไม่ได้ ถึงจะไม่ไปกินก็ไปดม ถึงจะไม่ไปดมก็ไปสีด้วยศีรษะฉันใด





    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมอันน่าเลื่อมใส เริ่มแต่ทรงเล่าเรื่องพระองค์ทรงบรรพชาจนกระทั่งพระองค์ได้สำเร็จอาสวักขยญาณ อันเปรียบเหมือนกับข้าวปายาสที่ปรุงด้วยน้ำนมแก่สัจจกนิคันถบุตรแล้วก็ตาม
    แต่เขาก็ไม่เกิดความเลื่อมใสแม้แต่สักเล็กน้อย
    เขาก็ได้ทูลถามปัญหาเกี่ยวกับถีนมิทธะอีกต่อไป
    โดยเข้าใจว่า พระพุทธเจ้ายังจะมีถีนมิทธะอยู่.


    แต่ความจริงถีนมิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอนนั้น พระองค์ทรงละด้วยอรหัตตมรรคแล้ว
    แต่ที่พระองค์ตรัสว่า พระองค์ก้าวลงสู่ความหลับในเวลากลางวันนั้น
    พระองค์ทรงหมายถึง กระแสภวังคจิตเท่านั้น ฯ


    เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะถีนมิทธะที่พระขีณาสพทั้งปวงละได้ด้วยอรหัตตมรรค.
    ก็ความกระวนกระวายทางกายย่อมมีในอุปาทินนกรูปบ้าง ในอนุปาทินนกรูปบ้าง.

    จริงอย่างนั้น ดอกบัวขาวเป็นต้นแย้มในเวลาหนึ่ง ตูมในเวลาหนึ่ง ในเวลาเย็นใบไม้บางอย่างหุบ ในเวลาเช้าก็บาน.
    อุปาทินนกรูปเท่านั้นมีความกระวนกระวาย ก็ภวังคโสตที่เป็นไปด้วยความกระวนกระวาย ท่านประสงค์ว่าหลับในที่นี้.
    ภวังคโสตนั้นมีแก่พระขีณาสพ หมายเอาความหลับนั้น จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า อภิชานามหํ.



ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=405
ขอบคุณภาพจาก http://images.thaiza.com/,http://www.sc.mahidol.ac.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทธเจ้า "นอนกลางวัน" หรือไม่.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 11:20:59 am »
0
พุทธวิสัย เป็นเรื่อง เข้าใจยากเลยนะครับ
 
บรรดาพระอรหันต์ ที่มี ฤทธิ์มาก ก็ยังเข้าใจยาก

  ดูอย่างพระสารีบุตร อัครสาวก วิ่งกระโดดข้ามคู ( ท่านมีปัญญามาก ) แต่ก็เป็นเรื่องครับ
พระอรหันต์ บางรูป เวลานอนหลับ ยังถูกสตรี ข่มขืนโดยท่านไม่รู้ เลยครับ ( อันนี้ผมก็งง ) จำไม่ได้ว่า อ่านจากกระทู้ไหน ในเว็บนี้

  อย่างน้อยผมก็ได้ เจริญ พุทธานุสสติ ตาม ที่ จขกท. นำมาแสดงให้เห็นครับ

  :c017: :s_hi:
บันทึกการเข้า

teepung

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทธเจ้า "นอนกลางวัน" หรือไม่.?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 06:10:54 pm »
0
 :c017: :c017: :c017:

ขอบคุณ จขกท. ที่นำเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามาให้อ่านศึกษาคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า