ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิบัติการทหารใต้..'พิทักษ์พระ-พิทักษ์วัด'  (อ่าน 2183 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29310
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ปฏิบัติการทหารใต้ 'พิทักษ์พระ-พิทักษ์วัด'

ปฏิบัติการเขียวป้องเหลืองภารกิจทหารหาญปลายขวาน "พิทักษ์พระ-พิทักษ์วัด” : เรื่อง สุพิชฌาย์ รัตนะ / ภาพ จรูญ ทองนวล

     ผลกระทบทางจิตใจของผู้คนในพื้นที่ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จากเหตุการณ์รุนแรงส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายและหอบสำมโนครัวออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วยความต้องการเอาชีวิตและทรัพย์สินให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มไทยพุทธ
 
     ด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้ประชากรชาวพุทธในดินแดนปลายด้ามขวานร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ
     โดยบางชุมชนแทบจะเหลือบ้านเรือนพุทธบริษัทชนิดแทบนับหลังคาได้
     ผลพวงที่ตามมาจากปรากฏการณ์ดังกล่าว จนเกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนักนั่นคือ “วงการสงฆ์”
     เพราะบางวัดแทบจะไม่มีปิ่นโตจากพุทธศาสนิกชนหิ้วไปถวายพระเลย
     แต่ยังดีที่ยังมีภัตตาหารจากเหล่าทหารหาญไปถวายพระสงฆ์อยู่บ้าง

 
     อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรงขึ้นสักแค่ไหน แต่พระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างก็มิได้รู้สึกหวาดกลัวถึงกับไม่กล้าออกไปบิณฑบาตนอกวัด เพียงแต่ข่าวที่ถูกนำเสนอออกไปนั้นอาจจะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นธรรมเนียมของชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนา และได้ร่วมปฏิบัติกันมาตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ
 
       โดยเฉพาะวัดที่ตั้งอยู่ชานเมืองหรือในชนบท ซึ่งจะมีพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูป
       และการเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยจะสะดวก
       ดังนั้นชาวบ้านจึงได้ขอร้องให้พระสงฆ์ไม่ต้องออกไปบิณฑบาตนอกวัด
       และจัดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบทำอาหารมาถวายวันละ ๒-๓ ครัวเรือน
       แต่สำหรับพระสงฆ์ที่มีวัดตั้งอยู่ในตัวเมืองนั้น ยังคงต้องออกไปบิณฑบาตตามปกติ และยึดถือว่าเป็นกิจหรือเป็นหน้าที่ที่พระสงฆ์ต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นเพียงใดก็ตาม

 
       “พ.อ.อัตถเดช มาถนอม” รองเสนาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า เปิดเผยว่า สถานการณ์เรื่องวัดและพระพุทธศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานี้ได้กลายเป็นเรื่องที่ละวางไม่ได้ จึงเกิดโครงการ “เยี่ยมวัดในวันพระ” เพื่อหาหนทางทำนุบำรุงและธำรงไว้ในพื้นที่แห่งนี้

 



      สำหรับภารกิจนี้ในทุกๆ วันพระทหารที่ตั้งฐานในพื้นที่จะต้องสลับสับเปลี่ยนผลัดเปลี่ยนและหมุนเวียนนำอาหารไปถวายพระ ไปฟังเทศน์ ฟังธรรม ทำบุญด้วยการพัฒนาวัดร่วมกับชาวพุทธที่อยู่ใกล้ๆ วัดในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นพูดง่ายๆ ว่าการปฏิบัติงานของกำลังพลทุกนายในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จะต้องได้เข้าวัด เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนานั่นเอง
 
       “บางวัดหญ้ารกสูง เพราะชาวบ้านไทยพุทธมีน้อย พระจำวัดเหลือไม่กี่รูปอีกทั้งสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยดังนั้นโครงการ “เยี่ยมวัดในวันพระ” จึงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่สืบไปแล้ว ยังได้กระชับสัมพันธ์กับชาวบ้าน โดยเฉพาะการเติมความเชื่อมั่นให้ชาวพุทธในวันที่ตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวนจากความไม่สงบ
 
       "วัดและสำนักสงฆ์ทุกแห่งที่มีอยู่ในชายแดนภาคใต้จะไม่ร้างราพระ และชาวบ้านแน่นอน เพราะกำลังพลที่ตั้งฐานในแต่ละจุดจะไปทำบุญที่วัดทุกวันพระ ส่วนวันปกติธรรมดาก็จะแวะเวียนเข้าไปพบปะพูดคุยกับคนในพื้นที่เพื่อรับฟังความต้องการก่อนเตรียมไปดำเนินการร่วมกันในวันพระครั้งต่อๆ ไป" พ.อ.อัตถเดช กล่าวพร้อมกับบอกด้วยว่า
 
        โครงการนี้จะช่วยให้ทหารได้ร่วมพบปะพูดคุยกับพี่น้องชาวไทยพุทธ เพื่อถึงปัญหา ข้อขัดข้องในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อหาทางเข้าช่วยเหลือ ช่วยแก้ไขในสิ่งที่พี่น้องไทยพุทธร้องขอ ท่ามกลางความหวาดระแวงของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ เป็นต้นมา

       ซึ่งการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องไทยพุทธต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น คำพูด กิริยา ท่าทาง รวมถึงการปฏิบัติตัวในการดำรงชีวิตประจำวัน คนไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นับว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างหมดหวังในการดำรงชีวิต ดังนั้นสิ่งที่ได้จึงไม่เพียงแค่ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแต่ยังบำรุงขวัญชาวบ้านได้อีกด้วย
 
       นอกจากนี้ทหารทุกนาย ยังได้ประโยชน์จากโครงการนี้ นั่นคือ เกิดความสงบ มีสมาธิ อันเกิดจากการได้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ซึ่งพร้อมจะกลับไปทำหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจตามปกติอีกครั้ง โดยโครงการนี้ทหารทุกนายจะได้ฟังเทศน์ฟังธรรม รับเอาแนวทางของพระพุทธองค์ไปเป็นสิ่งที่ช่วยสยบความเครียดจากการทำงานที่สำคัญในวันพระใหญ่ทั้งขึ้น ๑๕ ค่ำ กับแรม ๑๕ ค่ำ จะได้ร่วมทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานแล้วยังมีกิจกรรมเสริมคุณภาพชีวิตให้ชาวบ้านละแวกวัดด้วย นั่นคือ หน่วยแพทย์เข้าไปดูแลสุขภาพนั่นเอง” พ.อ.อัตถเดช กล่าว
 
              "ภารกิจสำคัญของทหารนั่นคือการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม ซึ่งถือเป็นหัวใจงานด้านความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่วนภารกิจทำนุบำรุงศาสนาก็นับเป็นอีกแนวทางสำคัญในการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับดินแดนแห่งนี้เพื่อคงไว้ซึ่งคำว่า สังคมพหุวัฒนธรรม ตลอดไปนั่นเอง" พ.อ.อัตถเดช กล่าวทิ้งท้าย





“พิทักษ์พระ-พิทักษ์วัด”
 
       ในอดีตชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม ต่างพึ่งพาอาศัยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ล่าสุดจากการที่ลงไปพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมาก พี่น้องชาวไทยทั้ง ๒ ศาสนาบอกว่า "เขา" ห้ามพูดกัน พอเจ้าหน้าที่ไปถามอะไร ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
 
       ลุงเอี่ยม (สงวนนามสกุล) ชาวไทยพุทธ ในพื้นที่สีแดงใน จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้วันนี้ต้องดำเนินไปในลักษณะที่แตกต่างจากเดิมในอดีตอย่างสิ้นเชิง ทั้งเวียนเทียน หรือแม้กระทั่งงานบุญต่างๆ ของเทศกาลสำคัญเพราะต้องให้สอดคล้องกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง
 
       นอกจากนี้แล้ว การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในพื้นที่แห่งนี้นับวันจะเหลือแต่คนเฒ่า คนแก่เท่านั้น ในขณะที่คนหนุ่มสาวหากไม่ทำงานในเมืองก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด ดังนั้นทุกวันนี้ได้แต่หวังพึ่งกำลังทหารเท่านั้นที่เข้ามาช่วยทำให้ชาวบ้านได้ดำเนินการตามกิจกรรมทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะในวันที่ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเป็นรายวัน
 
      “พระและวัดจะปลอดภัยจากการปองร้ายของคนไม่ดีได้คงฝากไว้ที่ทหารเท่านั้นแหละ ลำพังให้คนสูงวัยไปทำหน้าที่คงไม่ดีเท่ากับรั้วของชาติ ดังนั้นโครงการ "เยี่ยมวัดในวันพระ" นอกจากจะช่วยธำรงคงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาให้ปรากฏอยู่สืบไปในดินแดนปลายด้ามขวานแล้ว ยังช่วยพิทักษ์พระ พิทักษ์วัดให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนร้ายได้อีกด้วย"



ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20120917/140136/ปฏิบัติการทหารใต้พิทักษ์พระพิทักษ์วัด.html#.UFac3KDvolg
http://www.oknation.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ