ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ได้เวลา..อวด(ความ)ดี  (อ่าน 1502 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ได้เวลา..อวด(ความ)ดี
« เมื่อ: ตุลาคม 26, 2012, 09:30:14 am »
0



ได้เวลา..อวด(ความ)ดี
ได้เวลาอวด(ความ)ดี : มองนอกดูใน โดย...แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

    พุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราชาวพุทธทั่วโลกได้สร้างวิถีชีวิตที่เดินอยู่บนมรรคาแห่งการตื่นตามคำสอนของพระพุทธองค์แล้วหรือยัง...คือ คำถามที่พวกเราชาวพุทธต้องค้นหาคำตอบให้ตนเอง และเมื่อเวลาผ่านมา ๒๖๐๐ ปี พระพุทธองค์ทรงแสดงคำตอบให้เราเห็นจริงว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับปัจเจกส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคได้ นั่นหมายความว่า

      ถ้าคนทุกวัยถูกปลุกหัวใจให้ตื่นเพื่อทำหน้าที่ของตนอย่างมีความเคารพหัวใจของกันและกัน โดยมีวจีกรรมที่สื่อสารต่อกันแล้วทำให้เกิดกายกรรมที่มีกำลังของจิตที่ไม่ขุ่นมัวนำไปสู่การมีมโนกรรมที่สุจริต ทำหน้าที่อย่างเคารพและเกื้อกูลกัน
      โดยใช้หลักสาราณียธรรม ๖ ที่พระพุทธองค์ทรงมอบให้เป็นมรดกสำคัญในการสร้างสังคมของ อริยชน ธรรมทั้ง ๖ ข้อนี้เป็นธรรมที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม และเมื่อกุญแจสำคัญของการสร้างอริยธรรม คือ การปลุกหัวใจ เราจะปลุกหัวใจคนได้อย่างไร...คำถามนี้มีคำตอบ
     
    ปลุกหัวใจ คือ การทำให้คนรู้คุณค่าของการทำงาน มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับมีงานคือการทำหน้าที่ตามวัยของตน ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชรา ผู้หญิง หรือผู้ชาย ล้วนมีหน้าที่ติดตัวมาทั้งสิ้น ถ้าคนทุกวัยทำหน้าที่ของตนอย่างมีความเคารพหัวใจของกันและกันโดยมีวจีกรรมที่สื่อสารต่อกันแล้วทำให้เกิดกายกรรมที่มีกำลังของจิตที่ไม่ขุ่นมัว นำไปสู่การมีมโนกรรมที่สุจริต

     ด้วยการทำเหตุอย่างนี้ หัวใจของคนในทุกช่วงวัยจึงถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาเป็นอาสาสมัครของโลก ที่ยอมตนให้คนใช้ ฝึกตนเพื่อใช้คน ไม่รอให้ใครใช้ โดยใช้การทำงานเป็นฐานของการภาวนาและมีเพื่อนร่วมเดินทางที่เป็นคนแต่ละช่วงวัยที่อยู่ร่วมกันในครอบครัวที่เกื้อกูลกันสร้างสังคมที่ดีร่วมกัน

     เมื่อทำอย่างนี้ได้หัวใจสังคมก็จะถูกปลุกให้เต้นในจังหวะเดียวกัน คือจังหวะที่มีความสุขและพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ แล้วหัวใจของคนที่ถูกปลุกก็จะมีพลังของหัวใจผู้หญิง...หัวใจแม่...หัวใจโพธิสัตว์  ซึ่งหัวใจผู้หญิง คือความอ่อนโยน เกื้อกูล พร้อมจะทำงานร่วมอย่างเกื้อประโยชน์
   
     หัวใจแม่ คือ หัวใจแห่งความเสียสละ เห็นประโยชน์ท่านมากกว่าประโยชน์ตน
     หัวใจโพธิสัตว์ คือ การก้าวเดินไปในโลกอย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์

     
     เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีงานแถลงข่าวการมอบ ‘ตาราอวอร์ด’ ขึ้นที่เสถียรธรรมสถาน ก่อนจะถึงการมอบรางวัลแก่บุคคลผู้ปลุกสังคมด้วยหัวใจโพธิสัตว์ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ทั้งนี้ มีสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานมากมาย
     
     “ตาราอวอร์ด เป็นงานที่ปลุกกระแสคนได้ดี ควรทำบ่อยๆ ต้องทำให้กระแสกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา คนทุกคนมีความดี ให้เอาความดีมาแสดงกัน”
    พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ กทม. เจ้าคณะภาค ๑๐ ที่ปรึกษาโครงการ ‘ตาราอวอร์ด’
     
     “‘สสส.ต้องการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายผู้หญิง เพื่อให้ผู้หญิงมีพื้นที่ในการทำงาน และใช้โอกาสของการทำงานทำให้ผู้หญิงมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยหัวใจโพธิสัตว์” รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานรณรงค์และสื่อสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
     
    “แพนเป็นสื่อกลางอยู่กับพี่ๆ สื่อมวลชนตลอด จะเป็นสื่อกลางในการบอกต่อเรื่องราวดีๆ บอกต่อสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดประโยชน์กับสังคมได้ คุณแม่บอกว่าเราสามารถอยู่ข้างๆ ใครก็ตามที่กำลังจะเป็นทุกข์ หรือเป็นทุกข์อยู่ ที่ทำได้คือเป็นกำลังใจให้เขา รอยยิ้มหรือสิ่งต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่เราหยิบยื่นให้กันได้ แพนคิดว่ามันคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่เราทุกคนจะให้เพื่อนบุญ เพื่อนร่วมทางของเราทุกคน” "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดง
     
     ขอเชิญร่วมงานมอบรางวัล “ตาราอวอร์ด” ในปี ๒๕๕๕
     พบกับผู้รับรางวัล ๙๙๙ ท่าน ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ เสถียรธรรมสถาน

         ธรรมสวัสดี


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20121025/143141/ได้เวลาอวด(ความ)ดี.html#.UInz9qDvolh
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ