ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทางดอกไม้..สายน้ำตกชะแนน "Unseen..วัดบนหน้าผา"  (อ่าน 2145 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29305
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ทางดอกไม้..สายน้ำตกชะแนน "Unseen..วัดบนหน้าผา"

และแล้วความพยายามนับสิบปีของ อ.บึงกาฬ ที่จะขยับชั้นเป็นจังหวัดก็ประสบความสำเร็จ เมื่อได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นจังหวัดลำดับที่ 77 ของไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2554 โดยแยกตัวออกมาจาก จ.หนองคาย มี 8 อำเภอ คือ อ.เมืองบึงกาฬ, เซกา, โซ่พิสัย, พรเจริญ, ปากคาด, บึงโขงหลง, ศรีวิไล และบุ่งคล้า เรียกว่าตัดเลาะเส้นเลียบลำโขง ฝั่งตรงข้ามกับเมืองปากซัน แขวงบลิคำไซ ส.ป.ป.ลาว

     แค่ประวัติของ อ.บึงกาฬ ก็ยาวนาน เพราะกว่าจะมาเป็นจังหวัดในวันนี้ บึงกาฬเคยเป็นตำบลที่อยู่ในเขตปกครองของ อ.ชัยบุรี จ.นครพนม ก่อนโอนการปกครอง อ.ชัยบุรี มาขึ้นอยู่กับ จ.หนองคาย

    ต่อมามีข้าราชการมหาดไทยคนหนึ่งไป อ.ชัยบุรี พบหมู่บ้านบึงกาญจน์เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ กว้าง 160 เมตร ยาว 3,000 เมตร แถมชาวบ้านเรียกติดปาก "บึงกาญจน์" เป็นที่รู้จักกันทั่วไป เลยเปลี่ยนชื่อ อ.ชัยบุรี เป็น อ.บึงกาญจน์

    และในปี 2477 ทางการจึงได้เปลี่ยนชื่อ อ.บึงกาญจน์ เป็น "อ.บึงกาฬ" เพื่อความสะดวกและเข้าใจง่าย     
    การเดินทางมายัง จ.บึงกาฬ ก็ไม่ยาก เพราะมีรถปรับอากาศหลายสาย จากกรุงเทพฯ-อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ หรือ กรุงเทพฯ-กุมภวาปี-บ้านดุง-บึงกาฬ ก็ได้ทั้งนั้น




     ณ วันนี้ อ.บึงกาฬ เลื่อนชั้นขึ้นเป็นจังหวัด ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปยังสถานที่ท่องเที่ยว 2-3 แห่งที่เคยไป สมัยยังสังกัด จ.หนองคาย "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว, น้ำตกชะแนน และวัดภูทอก หรือวัดเจติยาศรีวิหาร" แต่ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ จ.บึงกาฬ

     เวลาผมเดินทางไปที่นี่ มักกำหนดเส้นทางเที่ยว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว, น้ำตกชะแนน และวัดภูทอก ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยทำเรื่องขออนุญาตไปที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวก่อนเดินทาง 15 วัน ส่วนใหญ่จะไปกันก็ราวๆ เดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่มีทั้งดอกไม้ดินและดอกไม้ต้นมากมาย สายฝนโปรยปราย อากาศไม่ร้อน และออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ยามพลบค่ำ

    กะว่าไปถึงหนองคายก็ฟ้าสาง เพื่อตระเตรียมเสบียงก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ตว์ป่าภูวัว ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บุงคล้า และที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าของเรา ภูวัว-น้ำตกชะแนน กับระยะเวลา 3 วัน 2 คืน แบบไม่เร่งรีบ หรือบางกลุ่มมีเวลาน้อยก็อาจจะเดินแค่ 2 วัน 1 คืน ก็เก็บครบเส้นทางเช่นกัน

    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว มีเนื้อที่ประมาณ 186 ตารางกิโลเมตร หรือ 116,562 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ในเขต อ.บึงกาฬ อ.บุ่งคล้า อ.เซกา และอ.บึงโขงหลง เกือบติดพรมแดนประเทศลาว ทางเดินขึ้นระยะ 200 เมตรแรกค่อนข้างสูงชันในแนวดิ่ง และยังต้องลัดเลาะไปตามหน้าผา ไต่กันอย่างนั้น ราว 40 นาทีก็จะถึงบริเวณลานกว้างบนภู
 



    ในช่วงแรกเราจะพบดอกไม้จำพวก เปราะภูจีรวงศ์สีเหลือง และ ดอกเทียนป่า สีชมพูเข้ม ขึ้นเป็นดงทั่วไป ผืนป่าภูวัวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ ทางเดินข้างบนในช่วงแรกเป็นลานหินสลับกับลำธารธรรมชาติทั้งลื่นและเดินลำบาก แต่ตามเส้นทาง เราก็จะผ่านดงดอกไม้นานาพันธุ์ แถมสลับด้วยกล้วยไม้อีกหลากชนิดที่ขึ้นอยู่ตามคบไม้ มีธารน้ำให้ได้เล่นกันตลอดทาง โดยไม่ต้องกลัวหลง เพราะเจ้าหน้าที่นำทางชำนาญดีครับ

    คืนแรกเราพักกันบนลานกว้างๆ ที่ชื่อว่า ลานอเมริกา เดาว่ามาจากการใช้บริเวณนี้เป็นฐานที่ที่มั่นในสงครามอินโดจีนเมื่อสมัยก่อนนั้นแหละครับ จากปากคำของพี่สมศักดิ์ เจ้าหน้าที่นำทางเล่าให้ฟัง เช้าวันที่ 2 เรารับประทานอาหารที่ร่วมกันทำเรียบร้อยก็เดินออกจากลานหินกว้าง ไปยังน้ำตกชะแนนจุดหมายปลายทางของเรา ก่อนออกจากป่าภูวัว

      น้ำตกชะแนน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เมื่อก่อนเรียกกันว่า น้ำตกตาดสะแนน ตาด แปลว่า "ที่ซึ่งมีน้ำไหล" สะแนน แปลว่า "สูงสุดยอด" หรือ "เยี่ยมยอด" น้ำตกที่นี่มาจากลำธารหลายสายบนภูวัว ที่ไหลมารวมตัวกัน บริเวณลานหินกว้าง ก่อนจะเอ่อล้นหินมาเป็นม่านน้ำขนาดมหึมา และค่อนข้างเชี่ยวกราก เราใช้เวลาอ้อยอิ่ง ถ่ายภาพ ซึมซับบรรยากาศกันที่นี่อีก 1 คืน รุ่งขึ้นเดินอีกแค่กิโลเมตรเศษ ก็ทะลุป่าถึงที่ทำการหน่วยย่อยน้ำตกชะแนนแล้ว อาบน้ำเดินทางกันต่อ ไปที่วัดภูทอก ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 14 กิโลเมตร


    ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในเขตบ้านคำแคน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล บางคนบอกว่า ภูทอก คือแดนสวรรค์ที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ตายจริง

    ส่วนผมมองว่าภูทอกเป็นอันซีน (unseen) ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นความมหัศจรรย์ของการก่อสร้างสะพานที่วนไปรอบภูเขาหิน จากพื้นจนจรดยอดภู ซึ่งพระอาจารย์จวน สร้างขึ้นเมื่อปี 2512 มีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาก่อสร้างถึง 5 ปี สะพานที่ว่านี้เลาะไปตามขอบเขา แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะบางช่วงก็เดินไม่สะดวกนัก จากการชำรุด บางช่วงเป็นบันไดชัน แถมลื่นถ้าเปียกฝน แต่ถ้าได้ขึ้นไปนมัสการพระ หรือขึ้นไปถึงจุดชมวิวด้านบน บนชั้น 7 ซึ่งเป็นป่ากว้าง ก็จะประทับใจไม่รู้ลืม

    บึงกาฬ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตรับฤดูร้อนอีกแห่ง คือ "แก่งอาฮง" อยู่หน้าวัดปากคาด อ.ปากคาด เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง จนเรียกติดปากว่า "สะดือแม่น้ำโขง" พูดกันปากต่อปากว่า ใครที่ตกลงไป ก็มีสิทธิ์ไปโผล่ที่กลางแม่น้ำแถวนครพนม หรือ แถว จ.อุบลราชธานี ได้ คราวหน้าผมคงไม่พลาดไปชม แต่คงต้องไปในนามจังหวัดใหม่...จังหวัดบึงกาฬ

     นรา จิตต์สม


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://khonbaakklong.multiply.com
www.komchadluek.net/detail/20110327/92851/ทางดอกไม้สายน้ำตกชะแนนUnseenวัดบนหน้าผา.html#.UIqJKKDvolh
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทางดอกไม้..สายน้ำตกชะแนน "Unseen..วัดบนหน้าผา"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 26, 2012, 08:36:22 pm »
0
อนุโมทนา คะ เคยคิดจะไปหลายครั้งแล้วที่นี่แต่งยังไม่มีโอกาส ติดว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวคะ เลยยังไม่ได้ไป จำได้ว่าเคยมีการลง วีดีโอ เกี่ยวกับภูทอก 5 ตอนไม่ทราบว่าอยู่กระทู้ไหน ดูตอนนั้นก็อยากไปแล้วคะ

  :c017: :25: :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า