ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาบัณฑิต 'สมานฉันท์' รุ่น1. ผู้นำแห่งสันติวิธี ชี้นำสังคมสงบสุข  (อ่าน 1391 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29314
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



มหาบัณฑิต'สมานฉันท์'รุ่น1 ผู้นำแห่งสันติวิธี ชี้นำสังคมสงบสุข : โดย...ผกามาศ ใจฉลาด
      "เมื่อเสร็จจากสงครามเย็นก็คิดว่าโลกจะสงบสุข แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ก็เกิดการปะทะทางอารยธรรมขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่เกิดปัญหาแบ่งสี แบ่งฝ่าย สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น  ก็ถูกอ้างอิงไปในเชิงการปะทะกันแห่งอารยธรรม
      ซึ่งไม่ใช่สงครามอุดมการณ์ทางการเมือง แต่เรากลับเอาการเมืองไปแก้ จึงแก้ยาก นี่ไม่ใช่ยุคสงครามเย็น
      ปัจจุบันเราต้องสลายความขัดแย้งด้วยองค์ประกอบทางอารยธรรม วัฒนธรรม และการศึกษา มิฉะนั้น เราก็จะอยู่ในวังวนความขัดแย้งมิรู้จบ"


      พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดใจในพิธีลงนามความร่วมมือในการพัฒนาโครงการปริญญาโท สาขาวิชาสันติศึกษา กับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษากว่า 80 แห่ง เป็นปีแรก เพื่อร่วมกันส่งเสริมบุคลากรด้านสันติวิธี ลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต่อสังคมและประเทศชาติ เมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมกับประกาศเจตนารมณ์ต่อไปว่า

      "ในฐานะผู้นำศาสนาขอประกาศ อย่าได้อ้างศาสนาไปก่อสงคราม เราไม่ต้องการให้ศาสนา ถูกใช้อ้างอิงในทางที่ผิด เช่น การสร้างความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิม ทั้งๆ ที่ผู้นำทั้งสองศาสนามีความเข้าใจอันดีต่อกัน
     จึงเห็นว่า การศึกษาทางศาสนาควรออกมาทำหลักสูตรเรื่องสันติศึกษาขึ้น
     เพื่อผลิตวิศวกรทางด้านสันติภาพ ต้องการผู้สร้างสันติภาพ เจรจาให้เกิดความปรองดอง
     ผ่านองค์ความรู้ และประสบการณ์ ผลักดันสังคมไปสู่แนวทางสันติภาพ"
   
     พระพรหมบัณฑิต กล่าว



      ด้าน รศ.ดร.พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มจร. บอกว่า
      จุดเด่นของหลักสูตรสันติศึกษาเน้นบูรณาการพัฒนาสันติภาพแบบผสมผสานทั้งภายในและภายนอก
      เริ่มต้นพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสันติภาพภายในใจ โดยใช้หลัก "สมาธิ"
      มาเป็นเครื่องมือพัฒนากล่อมเกลาสติและปัญญาให้แข็งแกร่ง
      ทนต่อกระแสอคติ มีใจกว้าง อดทนและยอมรับต่อความแตกต่างอย่างมีสติ
      อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

      ส่วนสำนักงานศาลยุติธรรมและสถาบันพระปกเกล้า สนับสนุนให้มีการพัฒนานักสันติภาพ นักประนีประนอมโดยฝึกภาคปฏิบัติในศาล ชุมชนและองค์กรต่างๆ

      มีคณาจารย์และอาจารย์พิเศษ ประกอบด้วยนักวิชาการ นักปฏิบัติด้านสันติภาพทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีผู้เชี่ยวชาญประจำหลักสูตร อาทิ
      พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร. พระสุธีธรรมานุวัตร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
      พระไพศาล วิสาโล พระนักเขียน/นักสันติวิธี พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) สถาบันวิมุตตาลัย
      แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เสถียรธรรมสถาน ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี
      ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า
      ศ.ดร.คณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ
      รศ.ดร.โคทม อารียา ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล รศ.ดร.มารค ตามไท นักสันติภาพ ฯลฯ



      สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร เป็นพระภิกษุ แม่ชี นักบวช หรือนักพรต นักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานองค์กรภาครัฐ ผู้นำชุมชน นักวิชาการมหาวิทยาลัย องค์กรระหว่างประเทศและสื่อมวลชน
      รับนักศึกษา 40 คน ระบบการศึกษาแบ่งเป็นภาคการศึกษา ภาคละ 3 วิชา
      โดยเรียนครั้งละ 1 วิชา วิชาละ 6 สัปดาห์ ต่อเนื่องกันจนจบหลักสูตร
      เรียนวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
      รวมทั้งหมดหลักสูตร 15 รายวิชาภายใน 2 ปี
      ค่าธรรมเนียมสำหรับคฤหัสถ์ 145,000 บาท และสำหรับนักบวช 120,000 บาท


               

นานาทัศนะ
ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราสอนแต่ความรู้สันติวิธีเพียงแค่ทฤษฎี แต่เราไม่สามารถปลูกฝังสิ่งที่เรียกว่า ทัศนคติเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ดังนั้น การจัดหลักสูตรสันติวิธี เป็นความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองขณะนี้มากที่สุด เหมาะสำหรับผู้นำประเทศ นักการเมือง ผู้นำทางทหาร ผู้นำทางตำรวจ  โดยเฉพาะผู้นำที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษา เพราะจะทำให้เกิดมุมมอง และความคิดที่รอบด้านมากขึ้น

อดุลย์ ขันทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ กล่าวว่า ศาลได้ขึ้นบัญชีผู้ประนีประนอมประจำศาลกว่า 2,000 ท่าน เห็นควรที่ให้ท่านเหล่านั้นมีโอกาสเข้ามาพัฒนาตัวเองเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลักสูตรนี้ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยศาลผลิตบุคลากรด้านการไกล่เกลี่ยให้แก่ศาลเพื่อช่วยแบ่งเบาคดีความต่างๆ ที่เข้าสู่ศาลเป็นจำนวนมาก


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130212/151601/มหาบัณฑิตสมานฉันท์รุ่น1.html#.USA_lvJ6W85
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ