« เมื่อ: มีนาคม 28, 2013, 09:58:12 am »
0
ม.เทคโนฯมหานครแนะเคล็ดป้องกัน 'แฮ็กเกอร์'จารกรรมเทรนด์ฮิต
บทความโดย ไอคิวทะลุฟ้า
ภายในงานเปิดโลกไอที 2556 (IST Open house 2013) เหล่านักศึกษาคณะวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ศุภกร กังพิสดาร ร่วมกันทำแบบจำลองการทำงานของ "แฮ็กเกอร์" เริ่มตั้งแต่แฮ็กได้อย่างไร จากไหน ด้วยวิธีการใด ฯลฯ ให้กับเพื่อนๆ ที่หลงใหลโลกไซเบอร์เหมือนกันได้เอะใจ ระมัดระวังการใช้เทคโนโลยีสื่อสารอย่างรอบคอบ ไม่ให้ใครมาฉวยโอกาสตักตวงข้อมูลส่วนตัวไปได้
ผศ.ดร.ศุภกร กังพิสดาร ผู้สร้างโมเดลการทำงานของแฮ็กเกอร์เผยว่า "เทคโนโลยีเหมือนดาบสองคม อำนวยความสะดวกให้กับเราแต่ก็สามารถกลับมาทำร้ายตัวเราได้ ดังจะเห็นจากข่าวรายวันที่มีกลโกงหลายรูปแบบ โดยผู้ร้ายลักลอบเข้าไปเจาะฐานข้อมูลของเหยื่อและกระทำการต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ตนเองโดยที่เหยื่อไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย เช่นแฮ็กเข้าไปส่งอีเมล์ขายของ อีเมล์ลูกโซ่ หรือโพสต์เข้าไปในเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมเพื่อประโยชน์ทางการค้า บางรายหลอกให้โอนเงินโดยที่เจ้าของเฟซไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ก่อให้เกิดผลเสียหายมากมาย"
หากกระทำการในลักษณะเดียวกันกับองค์กร ธนาคาร หน่วยงาน องค์กรรัฐ ฯลฯ โดยนำข้อมูลออกมาตีแผ่ แฉ หรือเป็นประโยชน์สำหรับฝ่ายตรงข้ามย่อมเกิดผลเสียอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันนอกจากแวดวงพณิชยกรรมแล้ว ในประเทศมหาอำนาจยังมีการใช้แฮ็กเกอร์มือดีจารกรรมข้อมูลต่างๆ เพื่อประโยชน์ทางสงครามด้วย
"ในประเทศใหญ่ๆ ตอนนี้กำลังประสบปัญหาเรื่องแฮ็กเกอร์โจรกรรมข้อมูลมาก
ในสหรัฐอเมริกาหากมีการประชุมทางทหาร จะไม่อนุญาตให้นำเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ ไอแพด เข้าไปได้เลย ใช้แต่ปากกา ดินสอ เพราะมือถือหากมีการติดต่อ เปิดหรือรับสายจะมีไวรัสชื่อ มาแวร์ ที่แฝงมาด้วย เป็นตัวดักจับข้อมูลต่างๆ คอยเป็นพาหะที่พวกแฮ็กเกอร์ใช้เป็นสะพานเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญได้"
ผศ.ดร.ศุภกรกล่าวต่อว่า "แฮ็กเกอร์" จัดเป็นอาชญากรเทรนด์ใหม่ แต่ก่อนโจรขโมยลักวิ่งชิงปล้นยังเห็นตัว แต่สมัยนี้เปลี่ยนไป มองผู้ร้ายไม่เห็น เขาแค่นั่งที่หน้าจอ ร้านเน็ตคาเฟ่ ก็สามารถปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ แต่แม้ว่าเทค โนโลยีเอื้ออำนวยให้คนคิดร้ายกระทำความผิดได้โดยไม่เห็นตัวตน แต่สิ่งที่คนเราเหนือว่าเทคโนโลยีคือ สติ วิจารณญาณ และความระมัดระวัง การป้องกันเริ่มจาก 1. การตั้งพาสเวิร์ด ให้ตั้งไกลตัวหน่อย เพราะบรรดาแฮ็กเกอร์รู้ว่าคนส่วนใหญ่เวลาตั้งจะตั้งจากสิ่งที่จำได้ง่าย เช่น ชื่อเล่น วันเดือนปีเกิด บ้านเลขที่ ทะเบียนรถ มือถือ หรือในบางรายที่แฮ็กข้ามประเทศจะอาศัยซอฟต์แวร์บางตัวเข้าไปสุ่มได้ นอกจากตั้งยากแล้วยังต้องหมั่นเปลี่ยนพาสเวิร์ด
2. หลีกเลี่ยงการแชร์ทุกชนิด เช่น ใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะหรือมือถือคนอื่น เนื่องจากปัญหาที่พบบ่อยล็อกอินแต่ไม่ล็อกเอาต์
3. การเรียนรู้ระบบไอทีเบื้องต้น อย่าคิดว่าไกลตัว ไม่สำคัญ ยุคนี้เป็นยุคไอที อย่าใช้อย่างเดียว ควรรู้ที่มาที่ไป แผนผังการทำงาน ระบบของเทคโนโลยี หากมีโอกาสเข้าคลาสหาความรู้ ได้เรียนรู้มากขึ้นก็มีโอกาสน้อยที่จะตกเป็นเหยื่อรวมถึงสามารถช่วยเหลือคนรอบข้างได้
นอกจาก "คอมพิวเตอร์" แล้ว ปัจจุบัน "มือถือ" ก็เป็นขุมทองที่เหล่าแฮ็กเกอร์ใช้ขโมยข้อมูลกัน คาดการณ์กันว่าต่อไปหากมีการเจาะข้อมูลธุรกรรมออนไลน์สั่งโอนเงินจากมือถือของเราได้โดยที่เราไม่ได้สั่ง จะวุ่นวายและเสียหายเพียงใด แถมต่อไป 3 G, AEC, Free WiFi ฯลฯ ยังจะเจริญและแข็งแกร่งขึ้นอีก โอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อก็จะสูงตามตัว เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ เรียกว่า "รู้ไอที มีประโยชน์"
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNVEkzTURNMU5nPT0=§ionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBeE15MHdNeTB5Tnc9PQ==