พิมพ์

[raponsan]

ย้อนรอย 40 ปีมือถือ ต้นกำเนิดสมาร์ตโฟน

โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งกลายเป็นอวัยวะหนึ่งของมนุษย์ในสังคมปัจจุบันมีอายุดำเนินมาถึง 40 ปีแล้ว หากเทียบกับคนก็เสมือนวัยกลางคน สำนวนตะวันตกมีกล่าวไว้ว่า "Life begins at forty" หรือชีวิตเริ่มต้นในวัย 40 เป็นวัยที่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์ และยังมีความกระตือรือร้นกระฉับกระเฉงอยู่

ย้อนหลังกลับไปสู่ก้าวแรกของประวัติ ศาสตร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 3 เม.ย. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ วิศวกรบริษัทโมโตโรลา เขาใช้มือถือเครื่องแรกของโลกรุ่น "ไดนาแท็ก" ในย่านซิกส์อะเวนิว นครนิวยอร์ก โทร.ไปหา โจเอล แองเจล คู่แข่งจากบริษัทเบลล์ แล็บส์ และคำพูดแรกคือ "โจเอล นี่ผมมาร์ตี้ ผม โทรหาคุณจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจริง" มือถือรุ่นแรกของโลกนี้มีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม ยาวประมาณ 10 นิ้ว และแบตเตอรี่ใช้งานได้ 20 นาที

แรงบันดาลใจในการสร้างโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคูเปอร์เกิดขึ้นในช่วงยุค 1960 เมื่อบริษัทเอทีแอนด์ทีผลิต "โทรศัพท์ติดรถยนต์" (Carphone) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยใช้กันมากในวงการแพทย์ หรือบริการส่งสินค้าตามบ้าน คูเปอร์จึงพยายามคิดค้นอุปกรณ์ที่นำติดตัวไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งประจำสถานที่

คูเปอร์ ปัจจุบันอายุ 85 ปี เจ้าของสมญา "บิดาแห่งโทรศัพท์เคลื่อนที่" จดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2516 และได้รับหมายเลขสิทธิบัตร "US Patent 3,906,166" เขาคิดว่าราคาโทรศัพท์มือถือช่วงแรกที่ 3,500 ดอลลาร์ สูงเกินไปทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก และคิดว่าควรจะพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้พกพาสะดวก และคิดว่าน่าจะแนบกับหูหรือฝังลงไปในผิวหนังได้

วงการโทรศัพท์เคลื่อนที่พัฒนามาอย่าง ต่อเนื่องจนทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสมาร์ตโฟนที่มีความสามารถสารพัด นอกจากการสื่อสารทางเสียง ยังใช้สื่อสารด้วยรูปภาพและรับ-ส่งข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล

สหภาพการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศระบุว่าเมื่อปี 2555 ทั่วโลกมีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นจำนวนถึง 6,000 ล้านเลขหมาย ในขณะที่มีประชากรจำนวน 7,000 ล้านคน

นายไมก์ ช็อต อดีตประธานสถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี และรองประธานเทเลโฟนิก้าในยุโรป กล่าวว่า ช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โทรศัพท์เคลื่อนที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและขยายจากเครื่องมือของหมู่นักธุรกิจไปสู่ผู้บริโภคในวงกว้าง นำไปสู่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทุกสิ่งเชื่อมโยงถึงกันหมด ในอนาคต เชื่อว่าจะได้เห็นอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้งานได้หลากหลายกว่านี้ อาจเป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ เช่น แว่นตาซึ่งใช้ดวงตาควบคุมสั่งงาน หรือโทรศัพท์มือถือที่สวมใส่ข้อมือได้อย่างนาฬิกา เป็นต้น

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5UTTROalUyTVE9PQ==&sectionid=