ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แม่ป่วยหนัก..แต่ไม่สนใจเตรียมตัวตาย ควรทำอย่างไร.?  (อ่าน 1586 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



แม่ป่วยหนักแต่ไม่สนใจเตรียมตัวตายควรทำอย่างไร : ปุจฉา -วิสัชนากับพระไพศาล วิสาโล

ปุจฉา : ห่วงคุณแม่อายุ ๘๒ ปี เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว อยากทราบว่าจิตในช่วงภาวะสุดท้ายหรือก่อนจะตาย เป็นอย่างไร อยากให้คุณแม่ได้เตรียมตัวจะทำอย่างไรดี มีวิธีแนะนำหรือทำอย่างไรให้คุณแม่เข้าใจและเตรียมตัวค่ะ ตนเองก็มีการปฏิบัติเจริญสติอยู่บ้าง แต่คุณแม่ไม่ค่อยสนใจเท่าไรเลย ดูทีวีก็ดูแต่เพื่อความบันเทิงค่ะ

วิสัชนา :  จิตในระยะสุดท้ายของชีวิตหรือก่อนตายนั้น แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอุปนิสัย พื้นเพ ประสบการณ์ และการวางใจของแต่ละคนในแต่ละขณะ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘กรรมอารมณ์’ เกิดขึ้น คือ การที่ความทรงจำหรือประสบการณ์เก่าๆ ตั้งแต่เด็กได้ฟื้นกลับมา เหมือนย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เหล่านั้น แต่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
     จากนั้นก็เกิด ‘กรรมนิมิต’ คือ นิมิต โดยเฉพาะภาพเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีตที่ประทับใจหรือฝังใจ
     มีทั้งภาพที่ทำให้จิตเป็นกุศล เช่น เกิดปีติ หรือเป็นอกุศล เช่น หวาดกลัว ตื่นตระหนก
     (เช่น เห็นสัตว์ที่ตนเองเคยฆ่าเป็นอาจิณมาหลอกหลอน)
     สุดท้ายคือ ‘คตินิมิต’ หรือนิมิตเกี่ยวกับภพภูมิที่จะไปเกิด ไม่ว่าสุคติหรือทุคติก็ตาม


      คนที่ทำบุญสร้างกุศลมา ย่อมมีโอกาสมากที่จะเกิดกรรมนิมิตฝ่ายกุศล แต่หากมีอะไรฝังใจ ก็อาจเกิดกรรมนิมิตที่เป็นอกุศลได้ หรือแม้ไม่เกิดนิมิต แต่ใจก็อาจปรุงแต่งไปตามอำนาจของความห่วงใยหรือรู้สึกผิด ในกรณีเช่นนั้นก็จะมีความทุกข์ ทำให้เกิดความทุรนทุราย
      สิ่งที่คนรอบข้างจะช่วยได้ก็คือ น้อมใจผู้ใกล้ตายให้นึกถึงพระรัตนตรัยหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ
      หรือนึกถึงบุญกุศลและความดีงามที่เคยทำ อาจชวนเขาสวดมนต์ รับศีล หรือรับไตรสรณาคมน์
      แต่ถ้าไกลวัด ก็ต้องอาศัยสิ่งอื่นแทน เช่น ประสบการณ์ในอดีตที่ประทับใจหรือการกระทำที่ตนเองภาคภูมิใจ





      สำหรับกรณีของคุณนั้น สิ่งที่จะช่วยคุณแม่ได้เป็นประการแรกคือ ช่วยให้ท่านคลายความห่วงใยในเรื่องต่างๆ  ไม่ว่าลูกหลาน ทรัพย์สมบัติ การงาน ลูกหลานอาจมาพูดให้ท่านมั่นใจว่าจะรักกัน จะดูแลกัน และทำตามที่ท่านได้เคยแนะนำสั่งสอน

      จากนั้นควรมีการขอขมา ขออโหสิกรรมจากท่าน ถ้าท่านมีพื้นทางธรรมหรือคุ้นเคยพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอยู่บ้าง ก็ชวนท่านรับศีล รับไตรสรณาคมน์ ถ้ามีพระที่ท่านคุ้นเคย มานำท่านทำก็ยิ่งดี แต่ถึงจะไม่มีก็ไม่เป็นไร ลูกหลานก็สามารถชวนท่านทำได้

      ระหว่างนี้นอกจากชวนท่านทำบุญ เพื่อเป็นเครื่องระลึกนึกถึงในยามใกล้ตายแล้ว ลูกหลานควรเอาหนังสือธรรมะง่ายๆ มาอ่านให้ท่านฟังวันละนิดละหน่อย ๕ นาทีก็ยังดี หรือชวนท่านสวดมนต์ ทั้งนี้เพื่อช่วยน้อมนำใจท่านไปในทางธรรมบ้าง

      พร้อมกันนั้นก็ลองชวนท่านทำสมาธิหรือเจริญสติ วิธีง่ายๆ ก็คือ ให้มีความรู้สึกตัวเวลายืดแขน หดแขน กำมือ แบมือ เอามือวางบนท้องเพื่อรู้สึกถึงท้องที่พองยุบ ระหว่างที่ทำก็น้อมใจจดจ่อหรือรับรู้ถึงความรู้สึกทางกายดังกล่าว โดยไม่ต้องปิดตา ทำอย่างน้อย ๕ นาที ถ้าลูกหลานทำพร้อมกับท่านหรือทำเป็นเพื่อนท่าน ก็ยิ่งดี ถ้าทำสม่ำเสมอ สติที่เกิดขึ้นจะช่วยท่านได้มากเวลาเกิดทุกขเวทนาหรือเกิดความว้าวุ่นตื่น กลัวเมื่อใกล้ตาย


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.komchadluek.net/detail/20130425/156888/แม่ป่วยหนักแต่ไม่สนใจเตรียมตัวตายควรทำอย่างไร.html#.UX8rtErSi85
http://palungjit.com/ , http://1.bp.blogspot.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หน้าที่ของลูก็คือ การดูแล ปรนนิบัติ พ่อแม่ ไม่ว่าใคร ๆ ในโลก นี้ ก็ล้วนต้องตายทั้งนั้น จะตายเร็ว หรือ ตายช้า ก็ไม่ได้แตกต่างกันในเรื่องการตาย ตอนมีชีวิตอยู่การทำหน้าที่ กตัญญูกตเวทิตา นั้นมีความสำคัญที่สุด

   คนไหน โชคดี ได้ดูแลพ่อแม่ ที่แก่เฒ่า มากกว่า ใคร ชีิวิตคนนั้น เชื่อว่าไม่อับจน

   คนไหน ทิ้งพ่อ ทิ้งแม่ ในที่สุดก็จะถูกทิ้งด้วยเช่นกัน

   st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ