ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระประธานวัดสุทัศน์ อัญเชิญมาจากสุโขทัย ผ่านประตูเมืองไม่ได้..ต้องทุบกำแพง  (อ่าน 1924 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29389
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พระศรีศากยมุนี

พระประธานวัดสุทัศน์ (ตอนแรก)
คอลัมภ์ : รู้ไปโม้ด nachart@yahoo.com

น้าชาติ ทำไมวัดสุทัศน์ จึงมีพระประธาน 3 องค์ พาญาติจากเมืองนอกไปทัวร์ อธิบายไม่ถูกค่ะ ขอบคุณค่ะ
  จีน่า


ตอบ จีน่า
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ.2350 เดิมพระราชทานนามว่า "วัดมหาสุทธาวาส" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารขึ้นก่อน เพื่อประดิษฐานพระศรีศากยมุนี (พระโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย
    แต่สิ้นรัชกาลก่อนที่จะประดิษฐานเป็นสังฆาราม จึงเรียกกันว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือ วัดเสาชิงช้าบ้าง
    จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อ
    และทรงจำหลักบานประตูพระวิหารด้วยพระองค์เอง แต่ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ


การก่อสร้างวัดมาเสร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพ.ศ.2390 พระราชทานนามว่า "วัดสุทัศนเทพวราราม" ปรากฏในจดหมาย เหตุว่า "วัดสุทัศนเทพธาราม" และใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง ผูกนามพระประธานในพระวิหาร พระอุโบสถ และศาลาการเปรียญให้คล้องกันว่า "พระศรีศากยมุนี พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธเสรฏฐมุนี"


วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

พระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหารหลวง หล่อด้วยโลหะสำริด หน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ สูง 4 วา พระนาม พระศรีศากยมุนีได้รับถวายจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในภายหลัง เดิมเป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย แต่พระวิหารถูกทอดทิ้งปรักหักพังลงองค์พระ พุทธรูปต้องกรำแดดฝนอยู่เป็นเวลานานจนชำรุดเสียหาย กระทั่งได้รับการปฏิสังขรณ์และ เททองใหม่แล้ว จึงเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุด และนับเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไทย ในยุคก่อน 25 พุทธศตวรรษ

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ให้อัญเชิญมายังกรุงเทพฯ โดยชะลอลงมาด้วยแพล่องตามลำน้ำเมื่อปีพ.ศ.2351 เมื่อมาถึงให้ทอดทุ่นอยู่กลางน้ำ หน้าตำหนักแพ บริเวณท่าช้างปัจจุบัน โปรดให้มีพิธีสงฆ์และงานสมโภชทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 3 วัน
     จากนั้นอัญเชิญขึ้นบก แต่ไม่สามารถผ่านประตูเมืองได้ ถึงกับต้องรื้อกำแพงพระนครลง
     เมื่อพระพุทธรูปผ่านได้แล้วจึงได้ก่อกำแพงขึ้นใหม่ สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าท่าพระ


จากท่าพระทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระพุทธรูปด้วยขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ สองข้างทางผ่านชาวบ้านซึ่งแต่งโต๊ะหมู่บูชากันเกือบทุกบ้าน ทรงพระดำเนินด้วยพระบาทเปล่าตามกระบวนแห่ด้วย มีพระราชดำริจะสร้างพระอารามที่มีพระวิหารใหญ่อย่างวัดพนัญเชิงที่อยุธยา โดยประดิษฐานไว้กลางพระนคร แต่ในรัชสมัยของพระองค์ทำได้เพียงอัญเชิญองค์พระขึ้นตั้งไว้ ตัววิหารลงมือสร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย



ศิลาสลักดานหลังบัลลังก์ พระศรีศากยมุนี


ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โดยได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนีเมื่อพ.ศ.2493 ส่วนด้านหลังบัลลังก์พระพุทธรูปมีแผ่นศิลาสลัก เป็นศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทองปางยมกปาฏิหาริย์ และปางประทานเทศนาในสวรรค์

ฉบับพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) เสนอประวัติพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ และพระพุทธเสรฏฐมุนี


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakV6TURVMU5nPT0=&sectionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBeE15MHdOUzB4TXc9PQ==
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 14, 2013, 08:00:38 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ