ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยุค 3จี/เออีซี แค่ 2 ภาษา ไม่พอ.!  (อ่าน 2939 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29483
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ยุค 3จี/เออีซี แค่ 2 ภาษา ไม่พอ.!
« เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2013, 08:55:26 am »
0



ยุค 3จี/เออีซี แค่ 2 ภาษา ไม่พอ.!
โดย...วราภรณ์

พ่อแม่ยุคใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัย มักเลี้ยงลูกแบบคุณภาพคับแก้ว แถมยังเป็นช่วงเวลายุคที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียน การส่งลูกไปเรียนโรงเรียนสอน 2 ภาษา คือ ไทยและอังกฤษ คงไม่พอแล้ว ต้องเพิ่มภาษาที่ 3 คือ ภาษาจีน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกโกอินเตอร์และมีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ แต่อย่าลืมรากเหง้าของไทย ควรให้ลูกเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมไทยด้วย

 :welcome: :welcome: :welcome:

สนับสนุนลูกเรียน 3 ภาษา

สิริญา สภาสกุลวนิช ผู้ปกครองของ “ข้าวปั้น” ด.ช.ณัฐธัญ วรนาวิน วัย 11 ขวบ สมาชิก 1 ใน 9 ที่เคยร่วมโครงการทรู “สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 2” นักเรียนชั้นประถม 5 โรงเรียนทานตะวันไตรภาษา โรงเรียนสอน 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน สิริญายังสนับสนุนเต็มที่ให้ลูกสาว “ปั๊ย” ด.ญ.ณัฐชยา วรนาวิน วัย 14 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยม 3 โรงเรียนเดียวกัน ให้รู้หลายๆ ภาษา เช่น ญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มข้อได้เปรียบ

    “คุณแม่มองว่าเวลาติดต่อสื่อสารถ้าเราพูดจาภาษาเดียวกันง่าย ดีกว่าต้องพูดผ่านล่าม ยิ่งได้ภาษาที่สองแล้ว หากเราได้ภาษาที่สาม สี่ ห้า น่าจะได้เปรียบคนอื่นเยอะ ยิ่งรู้ภาษาจีนก็ยิ่งดี เพราะจีนเป็นยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย ภาษาจีนจึงสำคัญมากๆ ไม่แพ้ภาษาอังกฤษ
     ตอนเด็กๆ ปลูกฝังเขาเรื่องภาษาด้วยการพาไปดูคอนเสิร์ต พิธีกรสองคนพูดจีนคนหนึ่ง อังกฤษคนหนึ่ง เราก็บอกลูกว่า หากลูกพูดได้ทั้งจีนและอังกฤษ เจ้าของงานต้องจ้างลูก ตอนนี้ลูกสาวหลังจากที่ได้ทั้งจีน ไทย อังกฤษ เขาขอเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม เพราะรากฐานภาษาจีนกับญี่ปุ่นใกล้ๆ กัน ดิฉันก็สนับสนุน”


 :s_good: :s_good: :s_good:

การพูดภาษาของลูก คุณแม่เน้นหนักว่าจะต้องได้สำเนียงที่เหมือนเจ้าของภาษาแท้ๆ ด้วย โดยวางอนาคตลูกด้านภาษาตั้งแต่เรียนเนิร์สเซอรี่ และส่งไปเรียนโรงเรียน 3 ภาษาตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ

      “ดิฉันเป็นจีนแต้จิ๋ว ก็อยากให้ลูกพูดจีนแมนดารินได้ เราเลือกให้เขาพูดจีนแบบที่ได้สำเนียงด้วย โดยเลือกโรงเรียนที่มีเหล่าซือที่เป็นจีนจริงๆ ลูกจะได้สำเนียงจีน ส่วนภาษาอังกฤษดิฉันเลือกส่งลูกเรียนกับฝรั่งเลย และต้องเป็นฝรั่งแท้ๆ ที่มาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือไม่ก็แคนาดาเท่านั้น เพราะดิฉันใส่ใจเรื่องสำเนียงของลูก ต้องพูดอังกฤษสำเนียงอังกฤษ ไม่ใช่สำเนียงไทย หากมาแก้ไขเรื่องสำเนียงตอนโต มักไม่ได้ผล
       ตอนลูกเล็กๆ ยังไม่เข้าโรงเรียนก็เปิดการ์ตูนของบีบีซีให้ลูกฟังสำเนียง ซึ่งได้ผล พอส่งเข้าเนิร์สเซอรี่ก็ส่งลูกๆ เข้าโรงเรียนไตรลิ่งกัวร์ ที่ไม่ส่งไปโรงเรียนอินเตอร์เพราะมีญาติเรียนอินเตอร์ แต่ต้องไปเรียนภาษาไทยช่วงเสาร์อาทิตย์ ดิฉันมองว่าเป็นเรื่องตลก”


ฟากลูกสาว น้องปั๊ยณัฐชยา ปัจจุบันพูดได้ 3 ภาษา กำลังขอคุณแม่เรียนภาษาญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เพิ่มเติม
     
      “หากเราถือใบสมัครในช่องความสามารถ เราเขียนว่าพูดได้ทั้งไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น ใบสมัครงานหนูคงน่าสนใจ หากรู้หลายๆ ภาษา เวลาเปิดกูเกิลเพื่อทำรายงาน เราจะได้เข้าไปหาข้อมูลได้จากหลายๆ ภาษา ทำให้โลกเรียนรู้ของเรากว้างขึ้น หนูเคยไปเรียนภาษาช่วงซัมเมอร์ที่ปักกิ่ง ตอนเรียนชั้นประถม 6 ได้เจอกับเพื่อนๆ จากทั้งจีน แคนาดา ซึ่งพวกเขาเห็นความสำคัญกับภาษาที่สามคือจีน เลยส่งลูกมาเรียนเช่นกัน” ณัฐชยา บอก





จะให้ดี ต้องเก่งแบบเจ้าของภาษา

นภารัตน์ สิหนาทกถากุล นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังทำโครงการ Pure Sunset Beach โลว์ไรส์ บีช คอนโดมิเนียม โดยร่วมทุนกับชาวสวิส ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเช่นกัน นภารัตน์เคยส่งลูกไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่ประเทศจีนเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นแฟชั่นมากๆ เพื่อนๆ ของลูกในโรงเรียนที่เซี่ยงไฮ้ แม้จะเป็นชาวจีนแต่ก็พูดภาษาอังกฤษกันในโรงเรียน ผ่านไป 1 ปี ลูกพูดภาษาจีนได้แค่งูๆ ปลาๆ เธอจึงให้ลูกชาย นววิธ คุวานันท์ กลับมาเรียนอินเตอร์ที่เมืองไทย และกำลังจะส่งไปเรียนต่อที่สหรัฐเร็วๆ นี้ หลังจากฝึกงานเสร็จ

“ดิฉันเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษมากๆ ลูกๆ 4 คนส่งเรียนโรงเรียนอินเตอร์ตั้งแต่ยังเด็ก ช่วงซัมเมอร์ก็ส่งไปเรียนที่อังกฤษ สเปน และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือและตัดสินใจด้วยตัวเอง จริงๆ การรู้หลายๆ ภาษาเป็นบวกอยู่แล้ว แต่หากรู้ภาษาที่สองก็ต้องรู้ให้ได้แบบเจ้าของภาษาทั้งพูดอ่านและเขียน มีอยู่ช่วงหนึ่งสังคมไทยฮิตส่งลูกไปเรียนที่ประเทศจีนกันมาก ดิฉันก็ส่งไปตอนลูกชายอายุ 15 แต่วัดผลแล้วไม่ดีเท่าไหร่ เพราะคนจีนที่มีสตางค์ก็ส่งลูกไปเรียนอินเตอร์เช่นเดียวกัน”

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

จากประสบการณ์ของนภารัตน์ ที่คุณพ่อคุณแม่ส่งไปเรียนหนังสือที่ฮ่องกงตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งในยุคนั้นภาษาอังกฤษไม่แพร่หลาย อยู่ฮ่องกงก็ต้องพูดภาษาจีนให้ได้เพื่อการใช้ชีวิตประจำวันในการสั่งอาหาร หรือเดินทาง ซึ่งยุคนี้ลูกหลานคนรวยมักส่งไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์หรือเรียนต่างประเทศ ซึ่งแต่ละคนสามารถพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาในการสื่อสารอย่างแพร่หลาย อย่างตัวเธอเองแม้พูดภาษาจีนได้ แต่ปัจจุบันทำธุรกิจกับคนสวิสซึ่งพูดเยอรมันกับฝรั่งเศส แต่ภาษากลางที่ใช้สื่อสารกันก็คือภาษาอังกฤษอยู่ดี ภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษายูนิเวอร์แซลที่ใช้สื่อสารกันได้ทั่วโลก

หากลูกพูดได้มากกว่าสองภาษาก็ดี ดูมีเสน่ห์ เวลาไปพบเจอชาวต่างชาติ เช่น คนจีน ก็สามารถพูดภาษาจีนแทนที่จะพูดภาษาอังกฤษ”





ลูกเก่งภาษาแต่อย่าลืมวัฒนธรรมไทย

ดร.สุรภี โสรัจจกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ที่มีหลักสูตร 2 ภาษาด้วย กล่าวว่า เมื่อความเป็นไทยและความเป็นสากลเดินทางมาเจอกัน ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะคาดหวังว่าเมื่อส่งลูกเข้าโรงเรียนอินเตอร์แล้ว ลูกต้องได้ภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ผิดเพราะเด็กจะได้ทั้งภาษาและวัฒนธรรมตะวันตกมาด้วย ถ้าเด็กเรียนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในหลักสูตรด้วย ก็จะช่วยสร้างความเป็นไทยให้แข็งแกร่งขึ้น ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ก็ตระหนักถึงความเป็นไทยในโรงเรียนพอๆ กับความเป็นนานาชาติและความเป็นสากลด้วย

การที่เด็กๆ จะอยู่ในโลกสากลได้ ก็ต้องมีสิ่งที่จะสามารถสื่อสารกับสากลได้ และต้องเข้าใจในวิธีคิดและวัฒนธรรมของสากลด้วยเช่นกัน ฉะนั้นความโดดเด่นของหลักสูตรสองภาษาของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต คือ เป็นการเรียนการสอนที่เป็นคู่ขนานระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยจะมีทั้งครูจากสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา มาทำงานสอน

 :bedtime2: :bedtime2: :bedtime2:

“วิธีการสอนของครูต่างชาติให้เข้ากับความเป็นไทย ในชั้นเรียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา คือ เมื่อมีเด็กนักเรียนใหม่มาจากโรงเรียนที่ไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ คุณครูจะพยายามให้ความสนใจนักเรียน โดยที่จะต้องไม่ไปทำให้เด็กๆ เขินอายจากการที่ไปสนใจเขามากเกินไปด้วย เพราะถ้าครูกดดันนักเรียนมากๆ ก็จะยิ่งทำให้อายและไม่กล้าพูด
    ทั้งนี้คุณครูจะพยายามดึงให้นักเรียนที่อายหรือเรียนไม่ได้ ได้มีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากกว่า และทำให้นักเรียนผ่อนคลายโดยการทำให้นักเรียนสนุกกับการเรียน และเมื่อนักเรียนปรับตัวได้และคุ้นเคยกับบรรยากาศการเรียนแล้ว นักเรียนก็จะพร้อมเปิดรับทั้งวัฒนธรรมไทยและสากลเข้าไว้ด้วยกัน โดยสามารถแยกแยะได้ว่าวัฒนธรรมไหนควรปรับใช้ในสถานการณ์ใด”





ทารกเริ่มเรียนรู้ภาษาตั้งแต่ 18 สัปดาห์

ดร.แอนนี่ เลิศอัษฏมงคล นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาเด็ก เจ้าของโรงเรียน Baby Language Thailand by DBL และ Love English School บอกว่า ทารกสามารถเรียนรู้ภาษาได้ตั้งแต่อายุ 18 สัปดาห์ ขณะที่ทารกอยู่ในครรภ์ เพราะประสาทด้านการฟัง การได้ยินของเด็กมีตั้งแต่อายุ 18 สัปดาห์ ทารกชอบฟังเสียงพ่อกับแม่มากที่สุด อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ก็อ่านภาษาอังกฤษให้ลูกฟัง หรือเปิดเพลงฝรั่ง เริ่มไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด การได้ฟังเพลงต่างๆ ทำให้ลูกมีรอยหยักในสมองมากขึ้น

“ตามผลวิจัยการอ่านหนังสือเดิมๆ ซ้ำๆ ให้ลูกฟังลูกจะกินนมได้ดีเพราะเขาเพลิน สำหรับการส่งเสริมด้านภาษาให้กับลูก คุณพ่อคุณแม่จะต้องแบ่งหน้าที่ในการพูดภาษาที่อยากให้ลูกเก่งให้ลูกฟัง โดยแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน คุณพ่อพูดภาษาไทย คุณแม่พูดภาษาอังกฤษ ด้านภาษาเริ่มเร็วก็ยิ่งดี
     เริ่มก่อนที่ภาษาใดภาษาหนึ่งของลูกจะแข็งแรง แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่คุ้นชินกับภาษาอังกฤษต้องหาตัวช่วย เช่น ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนสอนภาษา ที่สำคัญพ่อแม่ต้องช่างสังเกตดูว่าลูกเราชอบอะไร ชอบการเรียนรู้แบบไหน เช่น ชอบธรรมชาติก็พาไปเดินในสวนแล้วสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษไปด้วย เด็กจะได้มีความสุขโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกบังคับ”

 :96: :96: :96:

หากอยากให้ลูกเก่งภาษาที่ 2 และ 3 พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้คุ้นชินกับภาษาอื่นๆ ตั้งแต่อยู่ในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ต้องทำการบ้านในการหาแหล่งข้อมูล เป็นห้องสมุดให้กับลูก ใช้เทคนิคนำเสนอให้น่าสนใจ เช่น เล่นเกมภาษาอังกฤษกับลูก
     อยากให้ลูกเก่งภาษาพ่อแม่ต้องเหนื่อย อดทน และหนักแน่น เหนื่อยคือเหนื่อยที่จะหาข้อมูลและหาเทคนิคมาสอนลูก หนักแน่นต่อเสียงคนรอบข้างที่ว่า สอนลูก 2 ภาษา ลูกจะไม่งงเหรอ และการสอนต้องสนุก สุดท้ายอย่าคาดหวังเพราะการเก่งภาษาของลูกไม่ได้สัมฤทธิผลภายในไม่กี่เดือน ต้องปลูกฝังและสั่งสอนไปเรื่อยๆ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/ไลฟ์สไตล์/อินเทรนด์/231867/ยุค-3จี-เออีซี-แค่-2-ภาษา-ไม่พอ-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ