ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “พระสงฆ์กับวัตถุนิยม”  (อ่าน 1324 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29390
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
“พระสงฆ์กับวัตถุนิยม”
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 10:15:04 am »
0



“พระสงฆ์กับวัตถุนิยม”

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “พระสงฆ์กับวัตถุนิยม” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 – 25 มิถุนายน 2556 จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง เฉพาะพุทธศาสนิกชน (ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ) กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพจากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุบางรูป มียานพาหนะ เครื่องใช้ส่วนตัว มีทรัพย์สินมีค่าที่ดูเกินความจำเป็น เช่น รถหรูราคาแพง การใช้กระเป๋าแบรนด์เนม จนเป็นกระแสในสังคมถึงความเหมาะสมในสมณรูป โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน ร้อยละ 1.4

จากการสำรวจถึงความเหมาะสมของพระสงฆ์ ที่มีพฤติกรรมในการครอบครองรถหรู ใช้ของแบรนด์เนม เดินทางด้วยยานพาหนะที่เลิศหรู มีทรัพย์สินส่วนตัว มูลค่าเกินแก่ฐานะ พบว่า
   - ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 90.39 ระบุว่า  ไม่เหมาะสม เพราะ พระสงฆ์อยู่ในสมณเพศ ควรปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างแก่พุทธศาสนิกชน ควรละซึ่งกิเลสทางโลก  เช่น ความโลภ ความหลงใหลในวัตถุนิยมต่างๆ 
   - มีเพียง ร้อยละ 5.68 ที่ระบุว่า  เหมาะสม เพราะ ถือเป็นสิทธิของพระสงฆ์ และย่อมเป็นไปตามกาลเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านี้ และสิ่งของบางอย่างพระสงฆ์ไม่ได้ซื้อเอง แต่มีลูกศิษย์ซื้อมาถวายให้ใช้





เมื่อถามถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้พระสงฆ์มีพฤติกรรมวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยมมากที่สุด พบว่า       
   - ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.79 ระบุว่า เกิดจากพระสงฆ์ตัดไม่ขาดจากทางโลก ยังหลงใหลในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม
   - รองลงมา ร้อยละ 30.82  เกิดจากพระสงฆ์หลงในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม และญาติโยม/ลูกศิษย์ก็ตอบสนอง 
   - ร้อยละ 20.02  เกิดจากญาติโยม/ลูกศิษย์ถวายวัตถุสิ่งของโดยขาดการยั้งคิดว่าเหมาะสมหรือไม่
   - ร้อยละ 6.49 เกิดจากองค์กรที่ดูแลศาสนาอ่อนแอขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบป้องกัน และ
   - ร้อยละ 0.80 เกิดจากสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป


สำหรับ การกระทำหรือลักษณะของวัด/สำนักสงฆ์ ที่ทำให้พุทธศาสนิกชนไม่อยากเข้าไปทำบุญมากที่สุด นั้น พบว่า ประชาชน 
   - ส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.84ระบุว่า เป็นวัดที่มีข่าวฉาวของพระสงฆ์ เช่น เสพย์ยาบ้า ดื่มสุรา ยุ่งสีกา
   - รองลงมา ร้อยละ 30.50เป็นวัดที่มีความเป็นพุทธพาณิชย์/เน้นวัตถุนิยมมากเกินไป บังคับให้ทำบุญ
   - ร้อยละ 6.65เป็นวัดที่เน้นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มากกว่าคำสอนทางพุทธศาสนา
   - ร้อยละ 4.16พระในวัดยุ่งการเมือง/เลือกข้าง
   - ร้อยละ 4.08วัดมีคำสอนที่บิดเบือนรวมถึงการโฆษณาอภินิหารเกินความจริง (อวดอุตริมนุสธรรม)
   - ร้อยละ 2.00 อื่นๆ เช่น วัดที่แบ่งชั้นวรรณะ วัดที่เลือกเฉพาะคนรวย พระที่พูดจาไม่สุภาพ
   - มีเพียง ร้อยละ 0.24 ระบุว่า สามารถทำบุญได้ทุกวัด โดยไม่ได้คำนึงว่าวัดนั้นหรือพระสงฆ์จะดีหรือไม่ดี คิดเสียว่าเป็นการทำบุญเพื่อตนเอง





ท้ายสุดเมื่อถามถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมหลงในวัตถุนิยม/บริโภคนิยมมากเกินพอดี พบว่า ประชาชน
   - ส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.05ระบุว่า ควรออกกฎข้อบังคับเพื่อจำกัดการครอบครองหรือใช้วัตถุของพระสงฆ์
   - รองลงมา ร้อยละ 8.81 ให้มีการเก็บภาษีพระสงฆ์จากเงินบริจาค/สิ่งของที่มาบริจาค 
   - ร้อยละ 2.32แก้ไขที่พระสงฆ์และญาติโยมให้มีความพอดี ทั้งผู้รับและผู้ถวาย 
   - ร้อยละ 1.84 มีหน่วยงานกลางช่วยกันตรวจสอบ และประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา
   - ร้อยละ 0.72เห็นว่า แก้ไขได้ยากจนถึงแก้ไขไม่ได้เลย และ
   - ร้อยละ 2.40 อื่นๆ เช่น ดูเจตนาของการกระทำ ให้ลงโทษทางวินัย ตรวจสอบประวัติในเบื้องต้นของผู้ที่จะเข้ามาบวช


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุวิชา  เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า

    “ผลโพลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึง ความต้องการของประชาชนที่จะให้พระสงฆ์มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่หลงในวัตถุ ยึดในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด
     ในขณะเดียวกันเวลาเกิดปัญหาขึ้นในวงการพระสงฆ์จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่จะโทษพระสงฆ์มากกว่าฆราวาสแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังต่อพระสงฆ์อย่างสูงว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย อดทน อดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุทั้งหลาย
     ส่วนญาติโยม หรือลูกศิษย์ เวลาถวายสิ่งของใดให้พระสงฆ์ ขอให้มีสติในการศรัทธาว่าสิ่งที่ถวายนั้นเหมาะสมหรือไม่
     ส่วนที่ตัวอย่างประมาณ ร้อยละ 30 ไม่อยากเข้าวัดที่มีความเป็นพุทธพาณิชย์หรือเน้นวัตถุนิยมมากเกินไป เป็นการยืนยันว่าพุทธศาสนิกชนมีความต้องการให้พระสงฆ์ ไม่หลงในวัตถุหรือสิ่งยั่วยุต่างๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้ผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ก็ตาม”

             
(จากการวิเคราะห์ในครั้งนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้วิจารณ์ไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์ฯ“นิด้าโพล” และ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์แต่อย่างใด)


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://nidapoll.nida.ac.th/main/index.php/en/2012-08-06-13-57-45/424-51-56
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ