ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'งาช้างดำ' คู่บารมีวัดท่าไม้  (อ่าน 5707 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
'งาช้างดำ' คู่บารมีวัดท่าไม้
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2013, 07:32:32 am »
0


'งาช้างดำ' คู่บารมีวัดท่าไม้
ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพไตรเทพ ไกรงู

"งาช้าดำ" วัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน  ไม่ได้มีสีดำสนิทอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นงาช้างสีออกน้ำตาล มีครุฑตัวสีน้ำเงินปีกทองแบกงาช้างอยู่อีกที มีลักษณะเป็นงาปลียาว ๙๔ เซนติเมตร วัดโดยรอบตรงส่วนที่ใหญ่ที่สุดได้  ๔๗ เซนติเมตร มีน้ำหนักถึง ๑๘ กิโลกรัม สันนิษฐานว่าเป็นงาช้างข้างซ้ายเพราะปรากฏรอยเสียดสีกับงวงช้างให้เห็นชัดเจน

ความสำคัญของงาช้างดำนี้เชื่อกันว่า พญาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๖ ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ได้ทำพิธีสาปแช่งเอาไว้ว่าให้งาช้างดำนี้เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป ผู้ใดจะนำไปเป็นสมบัติส่วนตัวมิได้  ต้องไว้ที่หอคำหรือวังเจ้าผู้ครองนครเท่านั้น จะสังเกตว่าสมัยต่อมาไม่มีเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ใดนำงาช้างดำนี้ไปเป็นสมบัติส่วนตัวเลยทั้งๆ ที่เมืองน่านมีเจ้าเมืองสืบต่อๆ มาถึง ๕๙ องค์


 :welcome: :welcome: :welcome:

    อย่างไรก็ตามเดิมทีเราเข้าใจว่าในประเทศไทยมีงาช้างดำอันเดียวเท่านั้น
    แต่ความจริงแล้วยังมีงาช้างดำ  ซึ่งมีครบทั้งซ้ายขวาอีก ๑ คู่ มีความยาวกว่า ๑ เมตร
    ประดิษฐานอยู่หน้าพระพุทธหิรัญราช ในศาลปฏิบัติธรรม และพระมหาเจดีย์ ๙ โกฏิ หน้าวัดท่าไม้ ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีพระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือที่เรารู้จักกันว่า “พระอาจารย์อุเทน สิริสาโร” เป็นเจ้าอาวาสวัด

ส่วนที่มาของงาช้างดำวัตถุมงคลคู่บารมีวัดท่าไม้นั้น  “พระอาจารย์อุเทน" เล่าว่า ได้มาจากความศรัทธา ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคนำไทย และพรรคมวลชน อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และลูกชาย (บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ) นำมาถวายเมื่อครั้งสร้างวัดท่าไม้ใหม่ๆ ทั้งนี้ได้นำงาช้างดำคู่ดังกล่าวไปตรวจสอบพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผลปรากฏว่า "เป็นงาช้างดำแท้ทั้งคู่" แต่เป็นงาช้างที่มาจากช้างคนละตัวกัน





คนโบราณเชื่อว่า ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่แสดงถึงอำนาจ ผู้ที่มีหางช้างพกติดตัวจะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ เวลาที่ต้องเข้าป่าและยังมีความหมายในแง่ของอำนาจ จัดเป็นเครื่องรางอีกอย่างที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เครื่องรางช้างที่ทำจากขนหางช้าง ว่ากันว่าสามารถป้องกันคุณไสยได้ทุกชนิด จึงมีผู้นิยมนำมาทำแหวน กำไล หรือพกติตตัวไว้ ลำพังแค่ขนหางช้างอย่างเดียว

ซึ่งคนโบราณไม่ได้เรียนอาคมจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลังปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล คนโบราณเชื่ออีกว่าถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆ ล่วงหน้าด้วยอย่างสัมผัสที่หกและป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้

 :96: :96: :96:

นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อหนึ่งที่น่าสนใจ คือ  สำหรับชาวเหมอะโหน่งซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนาม เชื่อว่าขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบให้แก่กันเป็นการแสดงออกซึ่งความรัก หางช้าง เทพมงคลนาคราชขนหางช้างแบ่งเป็นสองประเภท
    ๑.ขนหางช้างสีดำ และ
    ๒.ขนหางช้างสีขาว (บางท่านเรียกว่าขนหางแก้วขนหางดอ ขนหางช้างเผือก) เป็นของหายากคล้ายกับงากำจัดกำจายมีความเชื่อว่าเป็นของแรงในตัวมีอานุภาพทวีคูณกว่าห้างช้างสีดำ


    "ความเชื่อเกี่ยวกับงานั้น งาเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และเป็นมงคล จึงมักจะนำงาช้างคู่ขนาดใหญ่มาประดับโต๊ะหมู่บูชาเพื่อพุทธบูชา งาช้างยังมีความหมายถึงพลังอำนาจเพิ่มขึ้นในตัวของผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ช่วยให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและมีชัยเหนือศัตรู ตั้งแต่ได้รับถวายมาวัดท่าไม้ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็น" พระอาจารย์อุเทนกล่าว




ปฏิบัติธรรมทั้งปีที่ท่าไม้

โครงการบวชเนกขัมมะบารมี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสวดมนต์ข้ามปี เป็นโครงการที่พระอาจารย์อุเทนจัดมากว่า ๒๐ ปีแล้ว ในวันแม่ที่ผ่านมาก็เช่นกัน เพื่อความสะดวกในปีนี้ วัดได้จัด ๒ โครงการ คือ โครการ ๒๓ วัน ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒  และโครงการ ๙ วัน คือ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๘ สิงหาคม โดยแรกเริ่มนั้นมีประชาชนมาร่วมปฏิบัติธรรมในหลักสิบคนเท่านั้น และได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันการปฏิบัติธรรมในวันสำคัญจะมีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมเกือบ ๑,๐๐๐ คน

นอกจากนี้แล้วพระอาจาย์อุเทนยังสร้าง "ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย" สถานปฏิบัติธรรมไว้ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  เป็นสถานที่เงียบสงบและเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง ห่างไกลความวุ่นวายและสามารถรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก เป็นที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิสมมุติราช มหามัยมุนี ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยและงดงามที่สุดของเมืองไทย

 
 :25: :25: :25:

ทั้งนี้ พระอาจารย์อุเทน มีความตั้งใจว่าจะทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่อาศัยหลักความจริงเพื่อหาทางหลุดพ้นทุกประการในการสอนและการปฏิบัติ มีการปฏิบัติในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนั่งสมาธิ ยืนสมาธิ หรือเดินจงกรม อีกทั้งยังเป็นสถานที่อยู่กรรม หรือการฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ เพื่อเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมจริยธรรมและทักษะในการดำเนินชีวิตของตัวเอง สถาบัน และองค์กรต่างๆ รวมถึงเป็นสหกรณ์โค กระบือ สำหรับผู้ยากไร้ เป็นสถานที่ตั้งมูลนิธิสิริสาโร โดยมีพระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เป็นประธานสำหรับเด็กด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนพิการ และผู้ยากไร้

พุทธบริษัทท่านใดมีใจศรัทธาประสงค์จะร่วมปฏิบัติธรรมที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย วัดท่าไม้ โทร.๐-๓๔๔๗-๒๔๔๑, ๐-๓๔๘๔-๓๖๐๓ และ ๐๘-๙๔๑๔-๒๒๙๓ หรือที่  "www.wattamai.com"


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.komchadluek.net/detail/20130823/166454/งาช้างดำคู่บารมีวัดท่าไม้.html#.UhqgiH_KXHt
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ