ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โลกเรานี้..ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจาร  (อ่าน 2317 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ยอดคำสอน
    
ยอดคำสอน เป็นคำสอน เป็นคติ เป็นปรัชญาสั้นๆ ที่คมลึกซึ้ง ใครได้ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกซาบซึ้ง และบางครั้งอาจจะถึงกับอุทานออกมาว่า ท่านคิดและกลั่นกรองคำเหล่านี้ออกมาจากจิตได้อย่างไร ถ้าจิตนั้นไม่บริสุทธิ์แจ่มใสเยี่ยงผู้บรรลุธรรม ขอท่านได้สังเกตคำสอน ต่อไปนี้

     ans1 ans1 ans1

    ธรรมดา ธรรมดา
    ตามความเป็นจริงแล้ว โลกที่เราอยู่นี้ไม่มีอะไรเลย
    ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารเลย
    ไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ
    เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆ
    แต่เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดา
    แต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอ ไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว
    มันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้น เราก็สงบ


    ชนะตนเอง
    ถ้าเราเอาชนะตัวเอง
    มันก็จะชนะทั้งตัวเองชนะทั้งคนอื่น
    ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะ
    เป็นอันว่าชนะทั้งหมด


    งูเห่า
    อารมณ์นี้ก็เหมือนกับงูเห่าที่มีพิษร้ายนั้น
    อารมณ์ที่พอใจก็มีพิษมาก
    อารมณ์ที่ไม่พอใจก็มีพิษมาก
    มันทำให้จิตใจของเราไม่เป็นเสรี
    ทำให้จิตใจไขว้เขวจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า


    ของจริง
    ธรรมของจริงของแท้ที่ทำให้บุคคลเป็นอริยะได้
    มิใช่เพียงศึกษาตามตำรา และนึกคิดคาดคะเนเอาเท่านั้น
    แต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจริงๆ
    ของจริงจึงจะเป็นของจริงขึ้นมาได้

    ได้เสีย
    ทุกอย่างที่เรามีอยู่เป็นอยู่นั้น มันเป็นสักแต่ว่า "อาศัย" เท่านั้น
    ถ้ารู้ได้เช่นนี้ ท่านว่า "รู้เท่าตามสังขาร"
    ที่นี้แม้จะมีอะไรอยู่ ก็เหมือนไม่มี
    ได้ก็เหมือนเสีย เสียก็เหมือนได้





      นั่งที่ไหนดี
     จะนั่งหัวแถวหรือหางแถวก็ไม่แปลก
     เหมือนเพชรนิลจินดา จะวางไว้ที่ไหนก็มีราคาเท่าเดิม
     และจะได้เป็นการลดทิฐิมานะให้น้อยลงไปด้วย


     สอนคนอย่างไร
     ทำตนให้ตั้งอยู่ในคุณอันสมควรเสียก่อน แล้วจึงสอนคนอื่นทีหลัง
     จึงจักไม่เป็นบัณฑิตสกปรก
     สอนคนด้วยการทำให้ดู
     ทำเหมือนพูด พูดเหมือนทำ


     มรรคผล
     มรรคผลยังไม่พ้นสมัย
     คนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธว่า ในพื้นดินไม่มีน้ำแล้ว ไม่ยอมขุดบ่อ


    นักปฏิบัติ
    กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คือนักปฏิบัติ
    กินมาก นอนมาก พูดมาก คือ คนโง่


    แสดงอาการ
    การหัวเราะเป็นอาการของคนบ้า
    การร้องไห้เป็นอาการของทารก
    ฉะนั้นท่านผู้ถึงสงบ จะไม่หัวเราะไม่ร้องไห้


    ที่รวมสมาธิ
    เมื่อนั่งหลับตาให้ยกความรู้สึกขึ้นเฉพาะลมหายใจ
    เอาลมหายใจเป็นประธาน น้อมความรู้สึกตามลมหายใจ
    เราจึงจะรู้ว่า สติมันรวมอยู่ตรงนี้ ความรู้มันจะมารวมอยู่ตรงนี้



ที่มา http://www.wattraisikkha.com/wad/?name=knowledge&file=readknowledge&id=7
ขอบคุณภาพจาก http://www.flickr.com/photos/90000460@N08/with/8174856134/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ