พิมพ์

[raponsan]

"เกาดี้" แบบชาวบ้าน วิหารเทพวิทยาคม

"City Of Gaudi" คืออีกชื่อหนึ่งของเมืองที่มีสโมสรฟุตบอลโด่งดังระดับโลก  "บาร์เซโลน่า"

หากแต่ชื่อ "เกาดี้ (Gaudi)" นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับแวดวงลูกหนังเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ใช่ผู้เล่นฝีเท้าจัดจ้าน แต่เป็น "ศิลปิน" และ "สถาปนิก" ผู้รังสรรค์งานศิลปะที่แสบสัน และมีชีวิตชีวายิ่ง ไม่ใช่แค่เพียง 1-2 ชิ้น แต่ "ทั้งเมือง" ไม่ว่าจะข้างถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่อง โบสถ์วิหาร ฯลฯ เรียกว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่ผลงานของ "Antonio Gaudi" ผู้นี้ จนเมืองบาร์เซโลน่า ได้รับการขนานนามว่า "City Of Gaudi" ดังกล่าว

หากยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนเมืองนี้ ลองหาภาพยนตร์เรื่อง "Vicky Cristina Barcelona" ของผู้กำกับ "Woody Allen" มาชมแก้ขัด จะเห็นทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ความงดงามของเมือง ตลอดจนผลงานของเกาดี้ที่มีความงดงาม ยิ่งใหญ่ อลังการ ตระการตายิ่ง ขนาดที่ว่าดูหนังจบแล้วอาจต้อง "เก็บเงิน" สะสมทุนรอนเตรียมไปเที่ยว (ฮา)

 

พูดถึง "เกาดี้" หลังจากที่ได้ไปเห็น "วิหารเทพวิทยาคม" งานพุทธศิลป์สุดอลังการของ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.บ้านไร่ จ.นครราชสีมา "วัดบ้านไร่" หรือที่ใครๆ เรียกกันจนติดปากว่า "วัดหลวงพ่อคูณ"

เมื่อปลายปีที่แล้ว วิหารเทพวิทยาคม ซึ่งเป็นอุทยานธรรมกลางน้ำตามความประสงค์ของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ที่จะให้เป็นศูนย์กลางหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ศูนย์กลางนักปฏิบัติธรรม จาริกแสวงบุญ ได้เสร็จสิ้นและเปิดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าชมอย่างเป็นทางการแล้ว

อย่างนี้จึงไม่รอช้า ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง  ก่อนจะพบว่ายิ่งใหญ่อลังการสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่ว่าจะรูปแบบของสถาปัตยกรรม รายละเอียดที่ประณีตบรรจง ตลอดจนเทคโนโลยี แสง สี เสียง ที่ทันสมัยที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในวิหารแห่งนี้ มีโอกาสได้พบกับ เกรียงไกร จารุทวี ในฐานะ ผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรมก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม หรือ "หัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ" ในการจัดสร้างครั้งนี้

ได้รับคำอธิบายว่า สถาปัตยกรรมตรงหน้า ได้แรงบันดาลใจจากงานของ "เกาดี้"  ไม่ว่าจะเรื่องของเทคนิค ลวดลาย ต่างๆ หากแต่ผู้ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ ทำให้งานชิ้นนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ เป็นฝีมือของ "ชาวบ้าน" ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็น ช่างไม้ ช่างปูน ช่างเหล็ก ช่างเชื่อม และอีกสารพัดช่างอยู่แล้ว จึงเป็นงานที่ไม่มีช่างรับเหมา ทุกคนมาด้วยใจ

วันหนึ่งๆ ได้รับการเปิดเผยว่ามีผู้มาร่วมด้วยช่วยกัน 400-500 คน งานติดกระเบื้องเซรามิกแบบงานของ "เกาดี้" ก็เป็นฝีมือของชาวบ้าน จากแรกๆ ติดผิดติดถูก วันหนึ่งได้ไม่กี่ตารางเมตร แต่นานวันเข้าเริ่มคุ้นมือ ติดได้สบายมาก

เกรียงไกรบอกอีกว่า หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จก็ไม่ใช่เสร็จแล้วเสร็จเลย ชาวบ้านที่มาร่วมงานกันนี้จะกลายเป็นผู้ที่ "มีงานทำ" ดังที่ "หลวงพ่อคูณ" คิดหวังตั้งใจไว้ อย่างตอนนี้ ถ้าใครไปเยือนก็จะได้เห็นมัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่ประจำวิหาร ก็ล้วนแต่เป็นคนในพื้นที่ อีกทั้ง ที่วาดหวังกันต่อก็คือ จะให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางของงานเซรามิก

อนาคตจะมีการสร้างโฮมสเตย์เป็นที่พักให้กับชาวต่างชาติ หรือนักเดินทางจากต่างถิ่นที่มาเยี่ยมเยือน นอกจากจะได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนแล้ว ยังได้เห็นผลงานด้านเซรามิกของชาวบ้านด้วย โดยมี "วิหารเทพวิทยาคม" สุดอลังการ เป็น "ประกาศนียบัตร"

 

วิหารเทพวิทยาคม เป็นสถาปัตยกรรม 3 ชั้น ตั้งอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ของวัดบ้านไร่  ตัวอาคารมีพื้นที่ใช้สอยกว่า 10,000 ตารางเมตร ด้านการก่อสร้างนั้นใช้เหล็กกล้ากว่า 8,000 ตัน ใช้เซรามิกประดับตกแต่งสีสันผลงานศิลปะต่างๆ กว่า 20 ล้านชิ้น งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 380 ล้านบาท

จากที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม หากจะให้เก็บรายละเอียดต่างๆ มาเขียนบรรยาย คิดว่าคงใช้เวลาหลายวัน แค่ผลงานศิลปะก็เยอะแล้ว แต่ยังมีที่เป็น "แก่น" อีกซึ่งก็คือ "พระธรรม" ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า

ดังจุดมุ่งหมายของหลวงพ่อคูณ ที่ต้องการให้วัดบ้านไร่ เป็นเสมือนเมกกะของชาวพุทธ ให้ชีวิตนี้ได้มาพบตัวแทนของพระพุทธเจ้าก็คือ "หลักธรรมคำสอน" นั่นเอง ถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนคงอยากไปชมผลงาน "เกาดี้" ของชาวบ้านแล้ว

แจ้งข่าวสำหรับหน่วยงานที่จะเดินทางไปเป็นหมู่คณะ ให้ส่งหนังสือแจ้งความจำนงพร้อมจุดประสงค์ในการเข้าชมล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และทีมงานมัคคุเทศก์น้อย จัดสรรเวลาและเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกด้าน เชิญร่วมพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

หน้า 14 มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1392456333&grpid=&catid=08&subcatid=0804