ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ลัดเลาะรอบวัด @ มัณฑะเลย์ (ชมภาพ)  (อ่าน 1001 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ลัดเลาะรอบวัด @ มัณฑะเลย์ (ชมภาพ)
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2014, 06:56:29 pm »
0


ลัดเลาะรอบวัด @ มัณฑะเลย์
โดย...รอยนวล

ฮอตจริงๆ บอกเลย ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ (อยาก) ไปเที่ยวพม่าหรือสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพราะประเทศนี้เขามีครบทั้งสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ผู้คน และธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่คงความบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างน่าสัมผัสและค้นหา

นอกจากย่างกุ้งที่คนไทยเราชอบไปเยือนแล้วยังมีอีกหนึ่งเมืองซึ่งได้รับความนิยมตามมาติดๆ นั่นก็คือ มัณฑะเลย์ มัณฑะเลย์ เป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิรวดี เมืองอายุ157 ปีนี้ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้ามินดง และตั้งชื่อตามภูเขามัณฑะเลย์



เมืองแห่งนี้คือราชธานีแห่งสุดท้ายของพม่า แม้การปกครองระบอบกษัตริย์จะสูญสลายไปแล้วนับร้อยปี แต่ก็ยังคงเหลือพระราชวังหลวงไว้ให้สัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ในอดีต อีกทั้งวัดวาอารามที่มีอยู่มากมายทั่วเมืองยังบ่งบอกว่า มัณฑะเลย์คือศูนย์กลางแห่งศาสนาพุทธอีกแห่งหนึ่ง รอยนวลเดินทางไปถึงมัณฑะเลย์ในช่วงปลายปี อากาศค่อนข้างร้อน แต่ช่วงเช้าและค่ำก็สามารถสัมผัสสายลมเย็นได้อยู่บ้าง ช่วง 23 วันในเมืองหลวงเก่าของพม่าแห่งนี้ รอยนวลได้ไปเยือนวัดหลายแห่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจและอยากชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน


ทัวร์วัดในมัณฑะเลย์ของรอยนวลเริ่มต้นที่ “วัดมหามัยมุนี” ถ้าไม่มาวัดนี้ อย่าบอกใครว่าคุณได้ไปมัณฑะเลย์มาแล้ว และถ้าจะมาวัดนี้คุณก็ต้องมีความพยายามอย่างสูง เพราะต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพื่อไปให้ทันพิธีล้างพระพักตร์และสรงน้ำพระมหามัยมุนี ซึ่งจะมีทุกวันในเวลาราวๆ ตี 4 ใครอยากดูชัดๆใกล้ๆ ก็อาจจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 23 จะได้นั่งหน้าๆ ทุกวันจะมีชาวพม่าทุกเพศทุกวัยนำดอกไม้ธูปเทียนรวมทั้งอาหารคาวหวานมาถวายกันเนืองแน่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ นำผ้าเช็ดหน้ามาร่วมในพิธีล้างพระพักตร์ ซึ่งทางวัดจะคืนให้เพื่อให้ประชาชนนำไปสักการะบูชา บ้างก็นำทานาคาหรือแป้งจากเปลือกไม้มาถวาย ซึ่งทางวัดก็จะนำไปทำเป็นน้ำมนต์แจกจ่ายให้ทุกคนในภายหลัง


พระมหามัยมุนีเป็นหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของพม่า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องกษัตริย์ สูง3.7 เมตร แรกนั้นประดิษฐานอยู่ที่ยะไข่ก่อนจะถูกอัญเชิญมามัณฑะเลย์ ชาวเมืองเชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้ยังมีชีวิตและลมหายใจ จึงทำให้เกิดประเพณีล้างพระพักตร์และสรงน้ำทุกเช้าตรู่ โดยมีเจ้าอาวาสทำพิธี 365 วัน ไม่มีวันหยุด หลังเสร็จพิธีจะเปิดโอกาสให้ผู้ชายขึ้นไปปิดทองที่องค์พระ ส่วนผู้หญิงจะสามารถฝากแผ่นทองคำเปลวไปปิดได้ เพราะถูกปิดทับด้วยทองคำเปลวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จึงเรียกขานกันว่า พระพุทธรูปเนื้อนิ่ม


นอกจากมีพระมหามัยมุนีแล้ว วัดนี้ก็มีสิ่งก่อสร้างรอบๆ ที่น่าเดินเที่ยวชม หรือจะซื้อของฝากก็มีร้านเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ช็อปปิ้งเหมือนกับทุกวัดที่นักท่องเที่ยวชอบไปเยือน วัดมหามัยมุนี ตั้งอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์ เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงห้าโมงเย็น

ไปต่อกันที่ วัดกุโสดอ และวัดสันตมุนี ในอดีตวัดกุโสดอแห่งนี้เป็นสถานที่สังคายนาพระไตรปิฏก ซึ่งมีพระสงฆ์เข้าร่วมถึง 2,400 รูป และใช้เวลา 6 เดือน จากนั้นก็มีการจารึกพระไตรปิฏกลงบนแผ่นหินอ่อนสีขาวจำนวน 729 แผ่น แล้วสร้างเจดีย์ครอบ ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าเป็น “ห้องสมุดที่มีหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก” ส่วนวัดสันตมุนีซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ได้จารึกพระไตรปิฏกลงบนหินอ่อน 1,774 แผ่นและสร้างเจดีย์ครอบเช่นเดียวกัน



เจดีย์สีขาวจำนวนพันๆ องค์ซึ่งอยู่รายรอบมหาเจดีย์สีทองกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในเวลาต่อมา หากมองจากยอดเขาจะสวยงามอย่างยิ่ง นอกจากเจดีย์แล้วในวัดยังมีอีกหลายอย่างให้ชม รวมทั้งศิลปะแบบพม่าและงานแกะสลักไม้อันวิจิตรละเอียด วัดทั้งสองนี้ตั้งอยู่ใกล้กำแพงพระราชวังมัณฑะเลย์ฝั่งตะวันตก วัดกุโสดอต้องจ่ายค่าเข้าชม ส่วนวัดสันตมุนีเข้าชมฟรี

ก่อนจะขึ้นสู่มัณฑะเลย์ฮิลล์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องไปเยือน โดยเฉพาะตอนค่ำๆ เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน นักท่องเที่ยวสามารถแวะวัดกุสินารา วัดเล็กๆ แห่งนี้ประดิษฐานพระนอนสีทององค์ใหญ่ ด้วยศิลปะการก่อสร้างและออกแบบที่แตกต่างไปจากพระพุทธรูปของพม่า จึงมีการสันนิษฐานว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นผลงานของช่างไทย ผนังภายใต้หลังคาโค้งเป็นลายปูนปั้นรูปกิ่งก้านดอกของต้นสาละและสิงสาราสัตว์ สีทองอร่ามตัดกับผนังสีขาว สะดุดตาน่าชมเป็นอย่างยิ่ง



อีกหนึ่งวัดคือ วัดเจ๊าตอคยี สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวสูง 7.8 เมตร สร้างจากหินอ่อน 900 ตัน ต้องใช้คนจำนวนหมื่นขนย้ายมาที่วัด ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในพม่าไกด์ชาวไทยใหญ่เล่าให้ฟังว่า พระพักตร์ของพระพุทธรูปละม้ายกับพระเจ้ามินดงผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้อย่างยิ่ง

ทุกวัดที่ได้ไปเยือนบ่งบอกว่า ชาวพม่านั้นเป็นผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างสูง ไม่ว่าจะเด็กวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงจะเข้าวัดไปสวดมนต์และทำบุญกันเป็นปกติธรรมดาในทุกๆ วัน เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีพระสงฆ์รวมทั้งชีนับหมื่นๆ รูป มัณฑะเลย์จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งชาวพุทธอย่างเช่นคนไทยนิยมไปเยือน



การเดินทางไปเยือนมัณฑะเลย์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องลำบากอีกต่อไป เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯไปถึงมัณฑะเลย์แบบชิลๆ รวมทั้งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่รอยนวลใช้บริการในทริปนี้ จากมัณฑะเลย์นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไปเยือนเนย์ปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ต่อแล้วนั่งเครื่องกลับจากที่นั่นก็ได้ เพราะเขามีสายการบินตรงกรุงเทพฯเนย์ปิดอว์ด้วยเช่นกัน

แม้จะได้ไปเยือนในช่วงสั้นๆ แต่มัณฑะเลย์ซึ่งรอยนวลได้พบเจอและสัมผัสนั้นช่างมีเสน่ห์น่าค้นหาอย่างเหนือความคาดหมาย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปกล่าวคำ “มิงกะลาบา” (สวัสดี) กันอีกสักครั้งหนึ่ง




ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/กิน-เที่ยว/เที่ยวทั่วโลก/279645/ลัดเลาะรอบวัด-มัณฑะเลย์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ