ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อลังการ “วิหารเทพวิทยาคม” วัดหลวงพ่อคูณ กับงานเซรามิกมากชิ้นที่สุดในโลก (ชมภาพ)  (อ่าน 1455 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อลังการ “วิหารเทพวิทยาคม” วัดหลวงพ่อคูณ กับงานเซรามิกมากชิ้นที่สุดในโลก

ถ้าใครเคยไป “วัดบ้านไร่” หรือวัดหลวงพ่อคูณ ที่ตั้งอยู่ใน ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะพบกับงานสถาปัตยกรรมพุทธศิลป์ขนาดใหญ่นั่นก็คือ “วิหารเทพวิทยาคม” อุทยานธรรมกลางน้ำอันน่าตื่นตาตื่นใจ
       
       วิหารเทพวิทยาคม เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด





      วิหารเทพแห่งนี้สร้างบนพื้นที่กลางบึงน้ำขนาด 30 ไร่ ส่วนบริเวณวิหารมีขนาดกว้าง 60 เมตร ยาว 60 เมตร องค์วิหารเป็นอาคารลักษณะทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร สูงประมาณ 42 เมตร มีทั้งหมด 4 ชั้น ประกอบด้วยสิ่งน่าสนใจ ได้แก่ “สะพานพญานาค” ที่ทอดกายเป็นสะพานแห่งศรัทธาเดินข้ามผ่านโลกมนุษย์สู่โลกแห่งธรรม, “ซุ้มประตูบารมีทั้ง 4 ทิศ” ได้แก่ ซุ้มพระอินทร์ ซุ้มพระยม ซุ้มพระพิรุณ และซุ้มพระกุเวร (ท้าวเวสสุวรรณ), “เสารอบอาคาร” เป็นเสาที่บรรจุภพชาติที่พระพุทธเจ้าถือกำเนิดทั้ง 523 ชาติไว้รอบๆ ด้านผนังรอบนอกนำเสนอจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง “ทศชาติชาดก” เป็นจิตรกรรมเขียนสีแผ่นเซรามิก
       
       ขณะที่ภายในวิหารยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกมากมาย อาทิ เรื่องราวพุทธประวัติ ตั้งแต่สมัยกำเนิดพระพุทธเจ้า เรื่องราวของพระวินัยปิฎกและวิวัฒนาการของพระพุทธศาสนาหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน เรื่องราวของพระธรรมปิฎก เป็นต้น





       ล่าสุดทางวิหารเทพวิทยาคมมีการรวมใจของศิลปินและชาวบ้านมากกว่า 500 ชีวิต มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานพุทธศิลป์ล้ำค่า เพื่อบอกเล่าเรื่องราวธรรมะในแบบที่เข้าใจง่าย สู่พุทธศาสนิกชนผ่านงานสถาปัตยกรรมเชิงประติมากรรม/จิตรกรรม และเซรามิก ที่รวบรวมศิลปะไว้ถึง 4 แขนง ได้แก่ จิตรกรรม, ประติมากรรม, เซรามิก และวิศวกรรม ซึ่งทางทีมงานของวิหารได้เรียกรวมการสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ทั้ง 4 ว่า “สามัคคีศิลป์”


เพี้ยง-สัมพันธ์ สารารักษ์

       เพี้ยง-สัมพันธ์ สารารักษ์ ผู้ออกแบบและที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมศิลปะของวิหารเทพวิทยาคม ให้ข้อมูลว่า
       
       “ชีวิตนี้ไม่เคยทำงานด้านการออกแบบอะไรเลย ขนาดตัวเองยังไม่ออกแบบเลย เพราะเราเป็นจิตรกรทำงานวาดรูปเป็นหลัก ไม่มีความสามารถด้านสถาปัตย์(สถาปัตยกรรม) แต่เมื่อคุณเกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ที่เราคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดีมากว่า 20 ปี เป็นดั่งพ่อที่คอยชี้แนะเมตตาให้ในทุกด้าน บอกว่าอยากจะสร้างสถาปัตยกรรมอะไรสักอย่างเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ. นครราชสีมา หรือเป็นแห่งแรกในประเทศไทยเลยก็ว่าได้





       ทั้งนี้โจทย์หลักของวิหารแห่งนี้ คืออยากให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมะที่เข้าใจง่ายๆ ซึ่งเพี้ยงกล่าวว่า     
       “เราน่าจะออกแบบได้ แต่จะสร้างได้หรือเปล่าตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะเราเองไม่มีความรู้ด้านสถาปัตย์ ก็เริ่มลงมือเขียนแนวคิดแบบร่างกันเป็นร้อยๆ รูปเลยทีเดียว กว่าจะสรุปและให้เขาปั้นโมเดลขึ้นมาได้ แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือเรื่องราวของธรรมะนี่สิ เพราะเป็นเรื่องที่ห่างตัวเรา หรือเรียกง่ายๆ ว่าศิลปินเองก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ แต่ยังโชคดีที่มีโอกาสถือว่าบุญยังมีเลยได้ทำ”
       
       เพี้ยงให้ข้อมูลต่อว่า พวกเขาทุกคนต้องอ่านพระไตรปิฎกก่อน เพื่อให้เข้าใจความหมายและสามารถสร้างสรรค์งานศิลป์ที่จะถ่ายทอดออกมาอย่างถูกต้อง
       
       “ช่วงแรกก็อาจจะยากหน่อย เพราะต้องอ่านพระไตปิฎกเป็นเล่มๆ หนาเตอะ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะหากไม่เข้าใจ มันก็สร้างสรรค์งานออกมาเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้ ดีอย่างที่สมัยเรียนเป็นคนชอบสะสมหนังสือพระ หนังสือธรรมมะต่างๆ เวลาคุยกับเพื่อน ก็ต้องอ่านบ้างจะได้คุยกันได้ ปกติผมไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ผมชอบซื้อหนังสือ ซื้อมาเก็บไว้ อ่านนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งพอได้รับมอบหมายงานนี้ ผมถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ทำงานที่ชอบและฝึกฝนทำความเข้าใจในหลักธรรมะมากขึ้น” เพี้ยงกล่าว





       ทั้งนี้สิ่งสำคัญของงานนี้คือ การจัดวางดีไซน์ศิลปกรรมเพื่อร้อยเรียงเรื่องราวให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักธรรมของพระไตรปิฎก เรียกว่าทั้งออกแบบดีไซน์และลงมือวาดด้วย ส่วนงานนี้จะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่มีการร่วมมือร่วมใจของพลพรรคศิลปินเพื่อนพ้องน้องพี่ ลูกศิษย์ลูกหาที่มาช่วยกันจนก่อเกิดเป็นงานศิลปะร่วมสมัยที่สวยงาม ทั้งงานภาพเขียน เซรามิก จิตรกรรม วิศวกรรม และประติมากรรม ถือเป็นความภูมิใจมากที่ “วิหารเทพวิทยาคม” จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ทุกคน ประชาชนทุกคน เด็กๆ ไปจนคนเฒ่าคนแก่ ก็สามารถเข้าถึงหลักธรรมในพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น


ขุนสว่าง อนุศิลป์

       ด้าน “ขุนสว่าง อนุศิลป์” ผู้ควบคุมดูแลงานประติมากรรมทั้งหมดของวิหารเทพฯ กล่าวว่า       
       “มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทาย เริ่มแรกเกิดจากความเชื่อใจเพื่อนคือคุณเพี้ยงที่นำภาพสเกตช์มาให้ผมขยายเป็นโมเดล เป็นรูปสามมิติก่อนนำมาสร้างจริง ซึ่งแต่ละงานมันก็มีอุปสรรคบ้าง แต่มาทำปูนปั้นที่วิหารเทพฯ นี้ อุปสรรคกลับน้อยมาก เราใช้เทคนิคงานปั้นสด คือใช้ปูนซีเมนต์ปั้นสด สิ่งที่น่ากลัวคือฝน หากตกลงมาจะโทษใครก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ที่น่าอัศจรรย์คือตอนผมกำลังปั้นเห็นฝนมาดำมืดไปหมด คิดว่าต้องตกแน่แต่สุดท้ายไม่ตก ไปตกรอบๆ วิหารเทพฯ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเกิดขึ้นหลายครั้งมาก ซึ่งถือเป็นบุญญาธิการของหลวงพ่อคูณ เพราะถ้าฝนตกก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่





       จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมภูมิใจมากที่ได้สร้างศิลปะร่วมสมัยแห่งรัตนโกสินทร์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ในความหมายคือ รวมทุกอย่างที่เป็นศิลปะที่สัมผัสได้...ก้าวแรกการเดินทางมันค่อนข้างน่ากลัว ยากและลึก ซึ่งตรงนี้มีความหมายในหลักธรรมที่มาช่วยพยุง เพราะคนทำงานศิลปะมันสามารถทะเลาะกันได้ง่ายๆ แต่เพราะมีหลักธรรม ศิลปินทุกคนที่นี่จึงอ่อนน้อมและผ่อนปรน อภินิหารเกิดขึ้นได้จากความศรัทธา”


ธิติพงศ์ ทับทิม

       ในส่วนของงานเซรามิกอันสวยงามอลังการนั้น “ธิติพงศ์ ทับทิม” ผู้เชี่ยวชาญด้านเซรามิก 1 ใน 5 ผู้ดูแลควบคุมการจัดวางเซรามิก อธิบายว่า
       
       “เสน่ห์ของเซรามิกมันไม่เหมือนใคร ความสวยงามเกิดจากการเรียงร้อยของวัสดุเคลือบเงาชิ้นเล็กก่อเกิดเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการที่วางไว้ มันดูพิเศษและนุ่มนวลยามต้องแสงอาทิตย์ ซึ่งที่วิหารเทพฯ นี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะชาวบ้านละแวกนี้ ที่มาเรียนรู้การติดเซรามิก ซึ่งทุกคนตั้งใจมาก เพื่อทำถวายหลวงพ่อคูณ มันไม่ใช่เล็กๆ แต่ใช้เซรามิกรวมๆ มากขนาด 180 ตันเลยทีเดียว หรือราวๆ 20 ล้านชิ้นได้ ซึ่งตอนแรกไม่เชื่อว่าจะออกมาแบบนี้ มันเกินความคาดหมาย สวยงามอลังการ และจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมะของทุกคนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ที่นี่สอนธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างน้อยมาที่นี่ได้กลับไปข้อหนึ่งก็ยังดี”



ช่างนัท-สมยศ แพผึ้ง

      ขณะที่ผู้ดูแลและควบคุมงานโครงสร้างทั้งหมด ช่างนัท-สมยศ แพผึ้ง ให้ข้อมูลว่า       
       “วิหารเทพวิทยาคมสร้างขึ้นมาโดยไม่มีแบบสถาปัตย์มีแต่แบบโครงสร้าง โดยจะขึ้นรูปมาจากโรงงานที่กรุงเทพฯ บางส่วน แล้วนำมาปรับให้ได้ขนาดและรูปแบบที่หน้างานอีกครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้มันลงตัวและสมบูรณ์ อย่างชั้นที่ 1 จะไม่มีแอร์ จะใช้วิธีธรรมชาติให้ลมไหลเวียนเพื่อสร้างความเย็น แล้วหลังคาก็เป็นรูปกลีบมะเฟืองที่รับลมได้เยอะถ่ายเทเร็ว"





       “ตอนนี้โครงสร้างทั้งหมดของวิหารเทพวิทยาคมเสร็จ 100% แล้ว ตอนนี้จะเป็นการพัฒนาพื้นที่รอบนอก คือในส่วนของสถานที่นั่งพัก, หมู่บ้านศิลปิน ฯลฯ ซึ่งผมว่าใครที่มาที่นี่ชอบธรรมมะ ชอบถ่ายภาพ ความสวยงามของแต่ละมุมเพื่อเก็บเกี่ยวและบันทึกความทรงจำ รับรองว่าใช้เวลาวันเดียวไม่พอแน่นอนครับ” ช่างนัทกล่าว




       ด้าน เพี้ยง กล่าวปิดท้ายว่า “ผมและเหล่าคณะทำงานรู้สึกดีใจมาก ที่คนศิลป์ต่างรวมตัวมาช่วยกันเยอะขนาดนี้ ผมมีหน้าที่ควบคุมดูแลในเรื่องของเนื้อหารูปแบบศิลปกรรมเทคนิค ทิศทางเรื่องราวต่างๆ ที่มาจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ต้องมีเนื้อหาควบคุมหมด
       
       จุดเด่นก็คือ การทำให้ศิลปะที่นี่เกิดขึ้นแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็นศิลปินอาชีพหรือน้องใหม่ นักศึกษา หรือน้องๆ ระดับเด็กนักเรียน เพียงแต่ตั้งใจและอยากมาสร้างงานร่วมกัน แม้กระทั่งชาวบ้านไร่ในชุมชน ที่พวกเราสอนเค้าติดเซรามิกต่างๆ นับสิบล้านชิ้นลงบนวิหาร ด้วยจิตศรัทธาเป็นพุทธศิลป์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการเก็บเกี่ยวบุญด้วยศิลปะเป็นธรรมบูชา ที่จะมีโอกาสซึมซับหลักธรรมทางศาสนาเข้าจิตใจไปด้วยในตัว ภายใต้ความสมัครสมานร่วมใจกัน หรือเรียกได้ว่าสามัคคีศิลป์”
       
       นี่ก็คืออีกหนึ่งเสน่ห์ความน่าสนใจในงานพุทธศิลป์ของ วิหารเทพวิทยาคม จ.นครราชสีมา สถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม และแหล่งเรียนรู้ธรรมะที่เข้าใจง่าย ซึ่งตั้งเด่นอลังการให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสกัน



       

       วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู่ที่ “วัดบ้านไร่” หรือวัดหลวงพ่อคูณ ใน ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08-1828-7616 หรือดูที่ www.watbaanrai.com
       

หมายเหตุ : ภาพประกอบจากทีมงานประชาสัมพันธ์ วิหารเทพวิทยาคม
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000027421
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ