พิมพ์

[raponsan]

สำนักพุทธฯ รู้แหล่ง"พุทธิศักดิ์คลินิก"แล้ว

สำนักพุทธฯตามจิก พุทธิศักดิ์คลินิก พบเบาะแสเป็นวัด-พระจริง ในพื้นที่เพชรบูรณ์ มีโทษหนักปาราชิกฐาน อวดอุตริมนุสธรรม ขณะเจ้าอาวาสติดกิจนิมนต์ต่างประเทศ เร่งประสานเจ้าคณะอำเภอ-จังหวัด ขออำนาจเปิดกุฏิตรวจสอบละเอียด ขณะที่เครือข่ายต่อต้านฯ เตรียมแจ้งกองปราบเอาผิด 26 มี.ค. พร้อมเผยอีก 8 แห่งมีพฤติกรรมเดียวกัน

วันนี้ (24 มี.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า จากการที่ นายสงกานต์ อัจริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้รับเรื่องร้องเรียน จากเครือข่ายซึ่งใช้ชื่อว่า “ชมรมคนรักพระพุทธศาสนา” โดยมีผู้ที่ส่งภาพที่ระบุชื่อว่า “พุทธิศักดิ์คลินิก” ที่แสดงให้เห็นถึงการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ กำลังทำพิธีกรรมในการปิดแผ่นทองคำลงบนหน้าหญิงสาววัยกลางคน และบุคคลที่แต่งกายคล้ายแม่ชีนั้น ตนได้เห็นภาพและตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทราบเบาะแสว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง จ.เพชรบูรณ์ จึงได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าคณะตำบลแล้ว

 

นายนพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ติดกิจนิมนต์ในต่างประเทศจะกลับมาในวันที่ 30 มี.ค. จึงสอบถามจากพระลูกวัดทราบข้อมูลว่า รู้จักพระ 1 รูป ที่อยู่ในภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นพระต่างด้าวเคยมาบวชและอยู่ที่วัดประมาณ 3 วัน แต่ได้สึกไปแล้ว ส่วนพระรูปอื่นทางพระลูกวัดแจ้งว่าไม่รู้จัก คาดว่าน่าจะเป็นพระจากวัดอื่น ส่วนสถานที่ในการประกอบพิธีนั้น ขณะนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่จึงยังเข้าไปตรวจสอบไม่ได้ พศ.จึงต้องประสานกับเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อขออำนาจในการสั่งการเปิดกุฏิภายในวัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง คาดว่าไม่เกิน วันที่ 26 มี.ค.นี้

“หากกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงพบข้อมูลว่า มีการจัดพิธีกรรมดังกล่าวภายในวัดนี้ จะต้องให้เจ้าอาวาสชี้แจง ส่วนฐานการกระทำผิด หากเป็นพระสงฆ์ ถือว่าทำผิดพระธรรมวินัย ต้องกายสตรีเพศยิ่งถือไม่เหมาะสม หากมีการอวดอ้างสรรพคุณว่าทำแล้วมหาเสน่ห์ คนรักคนหลง ก็เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม มีความผิดถึงขั้นปาราชิกได้ ส่วนทางโลกถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนก็สามารถดำเนินการได้ตามกฏหมาย”ผอ.พศ.กล่าว

 

ด้านนายสงกานต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากเบาะแสของเครือข่ายพบว่า บุคคลที่อยู่ในภาพที่ได้นำเสนอผ่านสื่อมวลชนไปแล้วนั้น เป็นพระสงฆ์จริง รวมทั้งทราบต้นตอแล้วว่า อยู่ที่ไหน จังหวัดใด ดังนั้นตนขอรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองปราบปราม ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ เพื่อประสานดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามผู้ที่อยู่ในภาพเข้าข่ายกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หากเป็นพระสงฆ์ด้วยแล้วก็เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายเห็นหน้าอย่างชัดเจน

“ขณะนี้มีประชาชนแจ้งเบาะแส มาที่เบอร์ 09-1409-9499 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมจะให้รางวัลนำจับสำหรับผู้แจ้งเบาะแส จำนวน 5,000 บาท นอกจากนี้ผมยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เปิดกระทำพิธีกรรมในรูปแบบนี้อีก 8 แห่ง และได้ส่งเครือข่ายไปเฝ้าติดตามและเก็บข้อมูลแล้ว โดยจะนำมาเปิดเผย สถานที่ จังหวัด อย่างละเอียดอีกครั้งที่กองปราบปราม ทั้งนี้ผมขอฝากเตือนไปยัง สำนัก หรือวัด ที่กระทำไม่เหมาะสมเช่นนี้อยู่ ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากอยากทำเช่นนี้ ถ้าเป็นพระสงฆ์ก็ให้สึกเสียดีกว่า เพราะจะไม่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย อีกทั้งจะประสานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในการร่วมหาข้อมูลและไปร่วมดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป”ประธานเครือข่ายฯ กล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/225283/สำนักพุทธฯรู้แหล่งพุทธิศักดิ์คลินิกแล้ว

[raponsan]

พศ.พบเบาะแสพุทธิศักดิ์คลินิก เป็นวัด-พระจริง ในพื้นที่เพชรบูรณ์

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงกรณีเครือข่าชมรมคนรักพระพุทธศาสนาเผยภาพระบุ “พุทธิศักดิ์คลินิก” แสดงให้เห็นถึงการประพฤติไม่เหมาะสมของบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ทำพิธีกรรมปิดแผ่นทองคำลงบนหน้าหญิงสาววัยกลางคนและบุคคลที่แต่งกายคล้ายแม่ชีนั้น ว่า ตนเห็นภาพและตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทราบเบาะแสว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วัดซับอุดมมงคลธรรม ต.หนองย่างทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าคณะตำบล

 

พบว่า เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ติดกิจนิมนต์ในต่างประเทศ จะกลับมาในวันที่ 30 มี.ค.นี้ จึงสอบถามจากพระลูกวัดทราบข้อมูลว่า รู้จักพระ 1 รูป ที่อยู่ในภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นพระต่างด้าวเคยมาบวชและอยู่ที่วัดประมาณ 3 วัน แต่ก็ได้สึกไปแล้ว ส่วนพระรูปอื่นทางพระลูกวัดแจ้งว่าไม่รู้จัก คาดว่าน่าจะเป็นพระจากวัดอื่น ส่วนสถานที่ในการประกอบพิธีนั้น ขณะนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่จึงยังเข้าไปตรวจสอบไม่ได้ สำนักพุทธฯ จึงต้องประสานกับเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อขออำนาจในการสั่งการเปิดกุฏิภายในวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง คาดว่าไม่เกินวันที่ 26 มี.ค.นี้

 

“หากกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า มีการจัดพิธีกรรมดังกล่าวภายในวัดนี้ จะต้องให้เจ้าอาวาสดำเนินการชี้แจง ส่วนฐานการกระทำผิด หากเป็นพระสงฆ์ ถือว่า ทำผิดพระธรรมวินัย ต้องกายสตรีเพศยิ่งถือไม่เหมาะสม หากมีการอวดอ้างสรรพคุณว่า ทำแล้วมหาเสน่ห์ คนรักคนหลง ก็เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม มีความผิดถึงขั้นปาราชิกได้ ส่วนทางโลกถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนก็สามารถดำเนินการได้ตามกฏหมาย” นายนพรัตน์ กล่าว

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UWTFPRGMxTWc9PQ==&subcatid=