ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทะไล ลามะ –ผู้นำทิเบตพลัดถิ่นดัน “ทางสายกลาง” การปกครองตนเอง  (อ่าน 1152 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29359
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบต นาย ล็อบซัง ซังเก (ขวา) กำลังเสนอเอกสารแด่ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณทิเบตในโรงเรียนประจำหมู่บ้านสำหรับเด็กในเมืองธรรมศาลา อินเดียเมื่อวันพฤหัสฯ(5 มิ.ย.) นายกฯพลัดถิ่นทิเบตได้ยืนยันอีกครั้ง จะดำเนิน “ทางสายกลาง” ในการเจรจากับจีน เพื่อสร้าง “การปกครองตัวเองที่มีความหมาย”ในเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบตภายใต้การปกครองจีน ทั้งนี้ แนวทางสายกลางนี้ เสนอโดยทะไล ลามะ และรัฐสภาพลักถิ่นทิเบตได้รับรองข้อเสนอฯนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลพลัดถิ่น เมื่อปี 2540 (ภาพ เอพี)


ทะไล ลามะ –ผู้นำทิเบตพลัดถิ่นดัน “ทางสายกลาง” การปกครองตนเอง
รับ 25 ปี เหตุนองเลือดเทียนอันเหมิน

เอเจนซี— ทะไล ลามะ และกลุ่มผู้นำพลัดถิ่นทิเบตแถลงข่าวการณรงค์ผลักดันนโยบาย ‘ทางสายกลาง’ เรียกร้องการปกครองตนเองอย่างสันติให้แก่ชนชาติทิเบต และดึงนานาชาติร่วมกดดันจีน เพื่อยุติกระแสคนทิเบตเผาตัวตายประท้วงรัฐบาลจีน โดยตัวเลขชนชาติทิเบตเผาตัวเองไปแล้ว กว่า 130 คน

 องค์ทะไล ลามะ และกลุ่มผู้นำทิเบตคนอื่นๆ แถลงในหน้าเว็ปไซต์สื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบต ที่เพิ่งเปิดในวันพฤหัสฯ(5 มิ.ย.) ระบุจะจัดการประชุมหารือที่เมืองธรรมศาลาในตอนเหนือของอินเดีย เพื่อเดินหน้าการรณรงค์ส่งเสริม “ทางสายกลาง” พร้อมกับเชื้อเชิญนานาชาติร่วมกดดันปักกิ่ง ให้หันกลับมาสนใจประเด็น “การปกครองตนเองของทิเบต” ที่เรียกร้องให้คนทิเบตสามารถตัดสินใจเรื่องในบ้านเมืองของตนเองได้


        :s_hi: :s_hi: :s_hi:

       การเคลื่อนไหวนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบต หลังจากนายลอบซัง ซังเก นายกรัฐมนตรีรัฐบาลพลัดถิ่นฯ รับช่วงการนำด้านการเมืองต่อจากองค์ทะไล ลามะ ทั้งนี้ ทะไล ลามะได้ประกาศลาออกจากการเป็นผู้นำทางการเมืองของรัฐบาลพลัดถิ่น เมื่อปี 2554
       
       ในจังหวะวาระครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของกลุ่มนักศึกษาประชาชนกว่าแสนคน ที่รัฐบาลจีนได้ส่งกองกำลังเข้ายุติการประท้วงจนเลือดนองในวันที่ 4 มิ.ย. 2532 ทะไล ลามะ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2532 ก็ได้กลับมาตกเป็นเป้าความสนใจอีกครั้ง ในการประกาศจัดประชุมผลักดันนโยบายทางสายกลาง ซึ่งเคยมีการแถลงมาก่อนหน้านี้แล้ว



ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณทิเบตกำลังอ่านคัมภีร์ศาสนาระหว่างการเทศนาประจำปี แก่นักเรียนและนักศึกษาที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านสำหรับเด็กในเมืองธรรมศาลา อินเดียเมื่อวันพฤหัสฯ(5 มิ.ย.) การเทศนานี้กินเวลาสามวัน โดยจะจบในวันศุกร์(6 มิ.ย.) (ภาพ เอพี)

 “ข้าพเจ้าขอสวดให้แก่ดวงวิญญาณผู้ที่เสียชีวิตเพื่อเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน” องค์ทะไล ลามะ แถลงผ่านเว็บไซต์ พร้อมเรียกร้องให้จีนหันมาปฏิรูประชาธิปไตย
       
       “สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของสังคมที่มีเสรีภาพและมีพลวัตร”


        :96: :96: :96: :96:

       นอกจากนี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวทิเบตยังกล่าวอีกว่า ปักกิ่งควรรับเอาประชาธิปไตยแบบกระแสหลักมาใช้ ซึ่ง “จะช่วยให้จีนได้รับความไว้วางใจและความเคารพยกย่องจากนานาประเทศ”
       
       ทั้งนี้ การออกมาเคลื่อนไหว “ทางสายกลาง”ในการปกครองตัวเองของชนชาติทิเบต เกิดขึ้นในท่ามกลางกระแสลามะและชาวทิเบตเผาตัวเองตายเพื่อประท้วงการปกครองของรัฐบาลกลาง ที่ชาวทิเบตชี้ว่าเป็นไปอย่างกดขี่ กระแสการเผาตัวเองเกิดขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา อันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสิ้นหวังของชาวทิเบตที่เพิ่มมากขึ้น



ทะไล ลามะ กำลังพูดคุยระหว่างวันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้าย ( 6 มิ.ย.) ของการเทศนาประจำปีให้แก่กลุ่มนักศึกษาและนักเรียน ในเมืองธรรมศาลา อินเดีย โดยมีการตกแต่งฉากหลังเป็นภาพเขียนพระราชวังโปตะลาในนครลาซา ทั้งน้ในแต่ละปี กลุ่มนักศึกษาทั่วแดนภารตะจะเดินทางมายังธรรมศาลา เข้าร่วมการฟังคำสอนเทศนาจากทะไล ลามะ (ภาพ เอพี)

ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา มีชาวทิเบตเผาตัวเองไปแล้วกว่า 130 คน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งกล่าวหาว่า องค์ทะไล ลามะเป็นผู้ปลุกระดมผู้ประท้วง และปักกิ่งยังย้ำหนาย้ำหนาว่า การปกครองจีนได้พัฒนาเศรษฐกิจในเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบต
       
       ด้านประธานาธิบดีบารัก โอบามา และผู้นำชาติตะวันตกคนอื่นๆ ก็ออกมาเรียกร้องให้จีนเจรจากับผู้แทนขององค์ทะไล ลามะ ในเรื่องการปกครองตนเองอีกครั้ง หลังการเจรจาในปี 2553 ล้มเหลว
       
       ในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งก็มีท่าทีไม่สนใจการกดดันครั้งใหม่นี้ของรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบต
       
       “เราขอแนะนำว่าให้คนเหล่านี้ยกเลิกความพยายามจะแยกทิเบตออกจากจีน” นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.)



ภาพปกนิตยสารไอซัน แอฟแฟร์ส (iSun Affairs) ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ในฮ่องกง ได้ตีพิมพ์ภาพปกสุดสะพรึงเป็นภาพชายชาวทิเบตเผาตัวเองและวิ่งไปบนท้องถนนเพื่อประท้วงรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนในกรุงเดลี อินเดีย ระหว่างที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เยือนอินเดียวันที่ 26 มีนาคม 2555

นายร็อบบี้ บาร์เนท ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทิเบตสมัยใหม่ศึกษา จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “หลักทางสายกลาง ไม่มีความคืบหน้าหลักใดๆเลยตั้งแต่องค์ทะไล ลามะ ยุติบทบาททางการเมือง ทั้งๆที่ อเมริกาและรัฐบาลตะวันตกหลายประเทศให้การสนับสนุนนโยบายดังกล่าว”
       
       กลุ่มผู้นำทิเบตล้มเหลวในการโน้มน้าวกลุ่มหนุ่มสาวในชุมชนทิเบตที่ธรรมศาลาที่ต้องการเคลื่อนไหวอิสรภาพแยกขาดจากจีน โดยกลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพนี้เชื่อว่าจีนจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อการปกครองตัวเอง (ที่แท้จริง) และไม่ยอมรับกลุ่มทิเบตพลัดถิ่นกลับบ้านเกิด
       
       “การเจรจาจัดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ผลจากการเจรจาในด้านบวกจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายทิเบตใช้ทักษะพิเศษ และความอดทนอย่างสูงในการรอวันที่จีนจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย” นายบาร์เนทกล่าว


        :29: :29: :29:

       อนึ่ง จีนได้ส่งกองกำลังเข้าไปยังแดนหลังคาโลก และประกาศผนวกดินแดนภายใต้การปกครองจีน ในฐานะเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบตในปี 2492 ต่อมาในปี 2502 ชาวทิเบตได้ลุกฮือประท้วงการปกครองจีนและจีนก็ได้ส่งกองกำลังเข้าปราบรามอย่างเด็ดขาดนับเป็นเหตุการณ์นองเลือดใหญ่ที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์และประณามอย่างดุเดือด การลุกฮือฯนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้เช่นเดียวกับการเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน บีบให้ทะไล ลามะต้องลี้ภัยไปยังประเทศอินเดีย และมีการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบตในเมืองธรรมศาลา
       
       นอกจากนี้ ยังมีชุมชนชาวทิเบตในมณฑลใกล้เคียงได้แก่ มณฑลชิงไห่ มณฑลเสฉวน และมณฑลกันซู่ ซึ่งกลายเป็นจุดร้อนความขัดแย้งฯและการประท้วงของชาวทิเบต.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000063575
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ