ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : ภูมิวิปัสสนา  (อ่าน 2076 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29290
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : ภูมิวิปัสสนา
« เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2014, 07:35:28 pm »
0


สมาธิชาวบ้าน : ภูมิวิปัสสนา

เราทุกคนต่างอาศัยโลกอยู่ แต่มิใช่เจ้าของโลก โลกดำเนินไปตามเงื่อนไขสมมติโลก คนเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว อะไรที่เคยมีสิทธิในการเป็นเจ้าของ เคยได้ครอบครอง ก็ย่อมหมดสิทธิในการครอบครองสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ คนตายแล้วย่อมสูญสิ้นความเป็นเจ้าของนั้นไป จะมากล่าวอ้างว่าชาติที่แล้วอันนี้เป็นของของตนในอดีตนั้นไม่ได้
โลกสมมติใบนี้เป็นโลกธาตุที่อาศัยเหตุปัจจัยเฉพาะคนที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น จะมากล่าวอ้างถึงวิญญาณในอดีตชาตินั้น มาเกิดใหม่แล้วจะเอาความเป็นเจ้าของในอดีตชาตินั้นมาเป็นเจ้าของไม่ได้

ดังนั้นแล้ว ในการฝึกสมาธิต้องได้ธรรมะก่อน เพราะพอเราได้ธรรมะแล้วเราก็จะรู้เห็นเยอะ รู้เห็นใจ เกิดปัญญาธรรม ปัญญาธรรมก็เข้ามาครอบครองให้บังเกิดภูมิจิตภูมิธรรม พอมีภูมิจิตภูมิธรรมแล้ว การจะรู้เห็นอะไรบนโลกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่ามันมีภูมิธรรมแล้ว


 :25: :25: :25:

แต่ถ้าเราไปรู้ไปเห็นอะไรก่อนที่เราจะมีภูมิธรรม มันจะทำให้เราอยู่บนโลกนี้ยาก การรู้เห็นอดีตโดยปราศจากภูมิธรรมมันรังแต่จะทำให้เราร้อนรน เพราะพอเราไปจำได้ มันก็จะมีความทุกข์ทุกข์ด้วยความโทสะ โมหะ ทุกข์ด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ

เมื่อไม่มีธรรมะมันจึงรู้ความจริงในโลกนี้ไม่ได้ ยิ่งเรื่องภพภูมิเรื่องของวิญญาณ ถ้าไม่มีธรรมะก็รู้ไม่ได้ เพราะคนที่ไม่มีปัญญาธรรมก็จะไม่มีปัญญาไปเท่าทันสิ่งเหล่านี้ ต้องมีปัญญาธรรมแล้วเท่านั้นมันถึงจะวางเฉยได้ ไม่มีกิเลสเข้าไปปรุงในเรื่องพวกนี้ แต่ถ้ายังระงับกิเลสไม่ได้ กิเลสมันก็จะปรุงในเรื่องต่างๆ ทำให้เราหยุดไม่ได้ พอหยุดไม่ได้ก็จะเป็นผลร้ายกลับมาทำลายตัวเอง ความอยากมี อยากได้ อยากเป็น ความโกรธ อาฆาต พยาบาทต่างๆ เหล่านี้มันจะลุกโชนขึ้นภายในใจเรา



การที่เราไม่มีธรรมะ มองไม่เห็นสิ่งที่มันเป็นไปจริงๆ แล้ว เราก็จะมีแต่ความทุกข์ ทุกข์เพราะว่าโลกไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด อย่างเช่น ถ้าเราเกิดไปจดจำอดีตได้ว่าอันนี้มันเคยเป็นสมบัติของเรา เราเคยเป็นเจ้าของ ถ้าเราไม่มีปัญญาธรรม เราก็ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของโลก ว่าแท้ที่จริงมันเป็นสมบัติโลก พอตอนนี้มันกลายไปเป็นสมบัติของคนอื่น มันก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ หรืออย่างคนเป็นคู่แค้นกัน พอมาเกิดใหม่ ความอาฆาต พยาบาท มันก็ติดตามมา ถ้าไม่มีธรรมะแล้วแยกแยะไม่ออก เอาเรื่องราวในภพที่แล้วมาผูกพันปะปนกับภพนี้ ก็จะเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมากมาย โลกแตกพอดี

ผู้มีธรรมะแล้วเท่านั้น ถึงสามารถล่วงรู้ได้ในสิ่งที่มันเป็นเรื่องราวในอดีตชาติ การปฏิบัติสมาธิก็ง่ายๆ เพียงแต่นั่งแล้วก็รู้ กำหนดใจ รู้ลงที่ใจ ใจไม่ส่งไปคิดเรื่องอื่น พอใจมันนิ่งไปได้ระดับหนึ่ง เสร็จแล้วมันก็ได้สมาธิ ได้สมาธิเพราะว่าจิตมันแยกออกมาจากความคิด แยกออกมามากมันก็ได้สมาธิมาก แยกออกมาบางส่วนมันก็ได้สมาธิบางส่วน


 st12 st12 st12

จิตดวงนี้มันเป็นอิสระจากความคิด ไม่ถูกครอบงำ แล้วมันก็เกิดสมาธิเรียกว่า “เกิดตัวรู้” เป็นตัวของตัวเอง พอเป็นตัวของตัวเองแล้วนี้ อะไรเกิดขึ้นมันก็เป็นภูมิวิปัสสนาหมด พอจิตวิญญาณธาตุรู้มัน รู้ความจริงแล้วมันก็ “อ๋อ” มันก็พ้นทุกข์ไป ที่มีทุกข์เพราะว่ามันโง่ มันไม่รู้

ตอนมันยังโง่อยู่ มันถึงทุกข์ ทุกข์เพราะความไม่รู้ ทุกข์เพราะความเข้าใจผิด แต่พอรู้ความจริงแล้วจิตก็เป็นอิสระ พอจิตเป็นอิสระแล้วมันก็รู้เยอะ พอไปทางไหนมันก็รู้ความจริงของโลกของธรรม รู้ความจริงไปหมด เมื่อรู้ความจริงแล้วก็ไม่ทุกข์ นี่เป็น ภูมิวิปัสสนา.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/290614/92380
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ