พิมพ์

[raponsan]

ชาวบ้านสังขละฯโวย ซ่อม"สะพานมอญ" 4 เดือน งบ 16 ล้าน
เสร็จแค่เสา วอนอยากร่วมใจสร้างเอง

มีรายงานจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า ได้ส่งหนังสือ ที่ กจ.0017.3/13048 ถึงสื่อมวลชน จ.กาญจนบุรี ผ่านทางอีเมลล์ เรื่่องชี้แจงทำความเข้าใจการดำเนินงานซ่อมแซมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นผู้ลงนามในหนังสือชี้แจงดังกล่าว

ใจความว่า “ตามที่ปรากฏข่าวสารตามสื่อมวลชนบางแขนง เนื้อความสรุปได้ว่า จากการติดตามข่าวสาร การดำเนินการซ่อมแซมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า การดำเนินการเป็นไปด้วยความล่าช้า และห่วงใยว่า การซ่อมแซมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ จะไม่แล้วเสร็จทันตามเวลาที่กำหนดไว้ในวันที่ 6 สิงหาคม 2557 นั้น จังหวัดกาญจนบุรี ขอชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินการซ่อมแซมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ เพื่อทราบ ดังนี้

 

1.ภายหลังจากสะพานอุตตมานุสรณ์ ได้รับความเสียหายจากกระแสน้ำ เมื่อปลายเดือน กรกฎาคม 2556 ขอเรียนว่า ในช่วง 6 เดือนถัดมา แม้จะเป็นช่วงระดับน้ำที่ยังคงสูงมาก ไม่สะดวกต่อการซ่อมแซม แต่จังหวัดมิได้นิ่งเฉย  ได้ดำเนินการในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากองค์กรและผู้มีจิตรศรัทธาบริจาคเงินเพื่อการซ่อมแซมการจัดนักประดาน้ำเพื่องมไม้เดิมมาใช้ในการซ่อมแซมรวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนการซ่อมแซมหาตัวผู้รับจ้างให้ดำเนินการซ่อมแซมได้ในช่วงฤดูน้ำลดภายในเดือนเมษายน 2557

2.จังหวัดกาญจนบุรี ได้ทำสัญญาจ้าง เลขที่ 0215/2557 ลงวันที่ 9 เมษายน 2557 ว่าจ้างห้างหุ้นส่วน จำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ซ่อมแซมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ วงเงิน 16,347,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการ 120 วัน ระหว่างวันที่ 9 เมษายน ถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2557 และได้มีคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรี แต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจจ้าง  โดยมีนายอำเภอสังขละบุรี เป็นประธาน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดกาญจนบุรี และรองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นกรรมการตรวจการจ้าง ซึ่งจังหวัดได้กำหนดการเร่งรัดติดตามผลการซ่อมแซมผ่านคณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นระยะ

3.จากการติดตามผลการดำเนินงานพบว่าการซ่อมแซมล่าช้ากว่าสัญญาซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในวันที่6สิงหาคม2557 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2557 ทั้งนี้ การดำเนินการที่ล่าช้ากว่ากำหนดสัญญาดังกล่าว จังหวัดจะได้บังคับผู้รับจ้างดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง ซึ่งกำหนดค่าปรับอัตราวันละ 16,347 บาทต่อวัน จนกว่างานจะแล้วเสร็จ จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทั่วไปได้รับทราบ จะขอบคุณยิ่ง” ลงชื่อ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี

 

ทางด้าน พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า การบูรณะซ่อมแซมสะพานดำเนินการไปได้เพียง 10% เท่านั้น

ทั้งนี้ ในสัญญาได้ระบุชนิดของไม้ที่จะต้องนำมาซ่อมแซมบูรณะสะพาน มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ไม้แดง และไม้ตะเคียน แต่ทางบริษัทประสบปัญหาในการเรื่องการหาไม้ จึงได้ขอให้ผู้ว่าจ้างปรับเปลี่ยนสัญญาในเรื่องของชนิดไม้เพิ่มเติมเป็นไม้เต็งและไม้ประดู่ถึงแม้ไม้ทั้งสองชนิดจะเป็นไม้เนื้อแข็งและเมื่อไม้แห้งจะทำให้เนื้อไม้แข็งยิ่งขึ้นแต่ก็ทำให้ตะปูตอกไม่เข้าอีกทั้งชาวบ้านยังท้วงติงว่า ไม้ที่นำมาซ่อมแซมมีขนาดเล็กกว่าของเดิม จึงเกรงเรื่องของความมั่นคงแข็งแรง

ยอมรับว่า ทางบริษัทได้มาขอซื้อไม้จากทางวัดเพื่อนำไปซ่อมบูรณะสะพาน แต่จากการปรึกษาหารือกับผู้นำชุมชนในพื้นที่มีความเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถขายไม้ที่มีอยู่ให้กับทางบริษัทได้ เนื่องจากไม้ที่มีอยู่เป็นไม้ที่ได้รับการบริจาคจากประชาชน ซึ่งตั้งใจทำบุญให้วัดเพื่อเก็บเอาไว้ซ่อมแซมบูรณะวัด รวมทั้งซ่อมแซมสะพานเมื่อเกิดชำรุดทรุดโทรม จึงไม่เหมาะที่จะขายให้กับทางบริษัท

 

อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้ววัดและชาวบ้านต้องการซ่อมแซมสะพานกันเองเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา โดยมีข้อดีคือ
1.ประหยัดค่าใช้จ่าย
2.พลังศรัทธายังคงอยู่
3.มีผู้มีจิตศรัทธาพร้อมถวายวัสดุ เช่น น็อต ตะปู ในการซ่อมแซม เพื่อทำบุญ
4.ตัดสินใจเพียงเดียว ไม่ต้องเข้าที่ประชุม ก็จะทำให้การเดินหน้าซ่อมแซมเร็วขึ้น
5.ไม่ถูกบีบด้วยเวลา ก็จะไม่กดดัน เพราะทุกคนลงมือทำกันด้วยใจ แต่พอเป็นการจัดจ้างผู้รับเหมาก็จะเกิดความเครียดเพราะถูกบีบด้วยเวลา 120 วัน ประกอบกับความชำนาญไม่มี ก็จะยิ่งกดดันในการทำงาน

 

จังหวัดมักจะท้วงติงเรื่องแหล่งที่มาของไม้ว่า หากให้วัดและชาวบ้านซ่อมแซมสะพานกันเองเหมือนเช่นที่ผ่านมา เกรงว่าจะมีการลักลอบตัดไม้เถื่อน อาตมาจึงเสนอไปว่า ถ้าเป็นสะพานไม้แห่งนี้ที่เกิดจากแรงศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งคนรู้จักทั้งประเทศ แหล่งที่มาของไม้ก็หาได้ไม่ยาก เพราะในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ มีไม้จมน้ำยืนต้นตายซากอยู่จำนวนมาก ถ้าทำหนังสือขอใช้ประโยชน์จากไม้เหล่านี้ เชื่อว่าทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คงไม่ขัดข้องหากวัดและชาวบ้านซ่อมแซมกันเอง

จากนั้นก็จะจัดทีมไปตัดและชักลากไม้ที่ยืนต้นตายเหล่านั้น แต่หากทางจังหวัดเกรงว่าจะมีการตัดไม้นอกอ่างเก็บน้ำหรือในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ก็ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาติดตามควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความสบายใจ

การที่ผู้รับเหมาระบุว่าจะเร่งซ่อมสะพานให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้หากผู้รับจ้างทำตามแบบและวิศวกรควบคุมงานตามแบบเชื่อว่าสะพานก็จะมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยแต่หากผู้รับจ้างไม่ทำตามแบบ ขณะเดียวกันวิศวกรก็ปล่อยงานให้ผ่านไป หากโครงสร้างสะพานเกิดความเสียหาย หรือเกิดพังถล่มลงมา วิศวกรควบคุมงานก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1407234659