สรุปอ่านแล้ว ข้าราชการที่จ้าง ทำสัญญาเลิกจ้าง ช่วยเหลือ ผู้รับเหมา ที่สำคัญออกสัญญาให้จ่ายค่าจ้างหลังจากหนังสือนี้ออกแล้ว 7 วัน แทนที่เป็นการตอกเสาเข็ม 5 ตับเสร็จก่อน เห็นได้ว่าเป็นการช่วยเหลือตรง ๆ
ส่วนค่าปรับ ไม่ได้ถูกนำมาคิดอย่าง สิ้นสุดในงานนี้ การซื้อจ้างจัดขายจะสรุปยอดเงินไปตามผู้รับจ้างนั้นยังไม่ได้ เพราะต้องดูใบเสร็จ จัดจ้าง ซึ่งจัดทำมาใส่ราคาเกินจากความจริง เช่น ซื้อเสามาต้นละ 1000 แต่ใส่ไว้ในใบเสร็จว่า 1500 ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชี จะยึดตัวเลขใบเสร็จนั้นยังไม่ได้ เพราะตามความเป็นจริง ถ้าเสาขายปลีกที่ 1000 บาท ผู้รับเหมาต้องซื้อได้ถูกกว่า ไม่ใช่แพงกว่า ดังนั้น เมื่อผู้รับเหมาบอกว่า ลงทุนไป 13 ล้าน ก็ต้องพิสูจน์กันก่อนว่า 13 ล้านจริงหรือป่าวก่อน ไม่ควรรีบด่วนสรุปเชื่อตาม ถ้าเร่งฝ่ายตรวจสอบจริงก็ไม่เกิน 7 วันก็ทราบแล้วกับค่าใช้จ่ายที่ ผู้รับเหมาทำขึ้นมา ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะอันนี้มันนำไปสู่รูปของคดี การบิดเบือน ไม่ทำตามสัญญาการว่าจ้าง
ส่วนทางผู้ว่าจ้างก็ต้องนำ จำนวนวันที่ ผู้รับเหมา พริ้ว ออกมาคิดเป็นรายวันตามสัญญา ด้วยว่า พริ้วมาตามสัญญาปรับเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่
การปรับก็ต้องไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม แต่ต้องคำนึงตามกฏหมาย เพื่อให้ความโปร่งใส ส่วนเมื่อสิ้นสุดกฏหมายแล้ว ว่าปรับจำนวนเท่าไหร่ ให้ทางผู้ถูกปรับ เจรจาต่อรองการชำระกับผู้ว่าจ้าง หลังสิ้นสุดคดี อันนี้จึงถูกต้อง
แต่การที่หน่วยงานราชการ ได้ออกหนังสือ ช่วยอย่างนี้แสดงถึงว่า ต้องมีการฮั้ว กับ ผู้รับเหมาด้วยจึงออกเป็นหนังสือช่วยเหลือ เพื่อให้ได้เงิน 10 ล้าน ความคืบหน้าของงานและรูปที่แสดงให้ ปวงชนดูนั้น มันไม่มีความสำเร็จได้จริงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องแจงว่า 60 เปอร์เซ็นต์ นั้นวัดอย่างไร เพราะเท่าที่มองเห็น สะพานไม่ได้เพิ่มสักเมตรเลย มันอยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่า
เฮ้อ เสียดายเงินที่ได้บริจาคไป จริง