ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปาฏิหาริย์แห่งธรรม ณ เวฬุวันฯ อินเดีย ตอนที่ ๒.  (อ่าน 2522 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ปาฏิหาริย์แห่งธรรม ณ เวฬุวันฯ อินเดีย ตอนที่ ๒.
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

...ในระหว่างพรรษาประมาณวันที่ ๒๔ ส.ค. ๒๕๕๗ อาตมาได้เดินทางไปนครปัตนะ รัฐพิหารอินเดีย ด้วยจุดประสงค์ ๒ ประการ คือ

    ๑.กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พิพิธภัณฑ์ของรัฐบาล ที่นครปัตนะ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเดิมคือ วัดอโศการาม ที่ซึ่งกระทำตติยสังคายนา สมัยพระอโศกมหาราช จึงหวังว่าจะได้ไปกราบบูชาระลึกถึงพระอรหันตสาวก จำนวน ๑,๐๐๐ รูป ที่พร้อมใจกันกระทำการสังคายนา โดยมี*พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ*เจ้าเป็นองค์ประธานสงฆ์
    ๒.เยี่ยมท่านรัฐมนตรีชารวัน กุมาร ที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยม ถวายความเคารพอาตมาถึงเวฬุวันฯ


     :25: :25: :25: :25: :25:

    การไปนครปัตนะในครั้งนั้นสำเร็จตามประสงค์เพียงข้อเดียว คือข้อที่ ๒ ส่วนข้อที่ ๑ ไม่ประสบผลเพราะดันไปตรงกับวันหยุดของพิพิธภัณฑ์ แต่ได้มีโอกาสพบกับประธานรัฐสภา (Speaker) แห่งรัฐบาลพิหาร/อินเดีย ที่บ้านพักของท่าน ตลอดจนได้พบปะกับรัฐมนตรี ๔๕ กระทรวง โดยได้ถือโอกาสเชิญท่านประธานรัฐสภา ซึ่งนับเป็นบุคคลสำคัญหมายเลข ๒ ของรัฐพิหาร ต่อจาก Chief Minister หรือประธานมุขมนตรีของรัฐ... ซึ่งท่านประธานรัฐสภา ยินดีตอบตกลงมาร่วมงานทอดถวายผ้ากฐินประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ณ เวฬุวันมหาวิหาร ประจำปีพรรษาพุทธศักราช ๒๕๕๗ โดยงานดังกล่าวจะมีรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและรัฐมนตรีชารวัน กุมาร มาร่วมงานด้วย

 st12 st12 st12 st12 st12

ในการพบปะกับรัฐมนตรีหลายกระทรวง ณ บ้านพักของท่านประธานรัฐสภา แห่งรัฐพิหาร มีความสำคัญที่ต้องนำมาเล่า เพราะจะเชื่อมโยงสู่เรื่องราวประวัติศาสตร์แห่งเวฬุวันมหาวิหาร ที่กำลังเกิดขึ้น... เพราะหนึ่งในรัฐมนตรีที่ได้พบในวันนั้นกำกับดูแลกระทรวงป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ของรัฐบาลป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ของรัฐบาลแห่งรัฐพิหาร/อินเดีย...

อาตมาจึงได้โอกาสนำเสนอว่าน่าจะพัฒนาพื้นที่ Sacred Site ในเวฬุวันมหาวิหารตรงบริเวณ ลานพระโอวาทปาติโมกข์ ที่ศาสนิกชนจากทั่วโลกเดินทางมากราบในทุกปี แต่คำตอบที่ได้รับคือ ยากที่จะอนุมัติโครงการพัฒนาดังกล่าว ด้วยกฎหมายของอินเดียนั้นเข้มแข็งมากในการรักษาทรัพยากร แม้หญ้าที่ตายแล้วเพียงต้นเดียวก็ยังหยิบไปไม่ได้... จะทำการพัฒนาใดๆ จึงติดขัดด้วยข้อกฎหมาย และจะต้องเข้าสู่ SupremeCourt ของประเทศ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด !


 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

...อาตมาจึงจ๋อยไปพอสมควร... แต่ไม่ถึงกับจืดจางความมุ่งมั่นที่จะนำเวฬุวันมหาวิหารคืนกลับมาสู่อ้อมกอดของชาวพุทธ เช้าวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๕๗ อาตมากลับมาจากบิณฑบาตเดินเข้ามาสู่เวฬุวันฯได้แวะไปที่ Sacred Site ดังกล่าวเพื่อกราบไหว้บูชา ระลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยยังมีเรื่องขอพัฒนาดูแลแผ่นดินพระศาสนาสถานที่ประดิษฐานหัวใจพระพุทธศาสนาค้างคาใจอยู่ (แปลว่ายังไม่ถอดใจ) จึงได้ใช้มือขวาตบลงไปบนแท่นซุ้มเจดีย์ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอย่างแรง พร้อมทั้งกล่าวอธิษฐานว่า... ขอให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว?

...ยามเย็นของวันนั้น อาตมาได้ออกไปสำรวจพื้นที่เขตโบราณนครราชคฤห์ เพื่อเก็บภาพมาประกอบในหนังสือที่จัดทำขึ้นที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว สักพักหนึ่ง รจนาเรียนให้ทราบว่า หัวหน้าป่าไม้จากพิหารชารีฟมารอขอถวายความเคารพ (Respect) อยู่ที่เวฬุวันฯ จึงเดินทางกลับมา เพื่อพบกับหัวหน้าป่าไม้ฯ ที่ศาลาที่พักใกล้สระน้ำกลันทกนิวาปะ เมื่อได้สนทนากันไปพอสมควรแล้ว หัวหน้าป่าไม้ฯ ได้มีคำถามต่ออาตมาว่า...




ทำไมอาตมาจึงเลือกมาจำพรรษาที่เวฬุวันแห่งนี้.?

เมื่ออาตมาตอบเสร็จเรียบร้อย...ในสุดท้ายแห่งการพูดคุยกับอาตมา หัวหน้าป่าไม้ฯ ได้กล่าวขึ้นว่า...“ขอมอบที่ดินเขตศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาในเวฬุวันฯ ให้กูรูยีพัฒนาอย่างไรก็ได้เพื่อพระพุทธศาสนา.!!”

...คืนนั้นอาตมาฟุ้งซ่านพอสมควร ภาวนารวมจิตเกือบไม่ลง เพราะจิตมันมัวแต่เข้าไปสู่อารมณ์ยินดีในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเกินค่าความนึกคิด ...โดยเฉพาะจิตมันวางแผนงานอย่างรวดเร็ว เพื่อจะเร่งรีบจัดการพัฒนาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะบริเวณลานพระโอวาทปาติโมกข์ ที่อาตมาก้มกราบสักการบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้ามาหลายปี เพื่อให้เสร็จเร็วที่สุดก่อนที่จะมีอุปสรรคใดๆมาขัดขวาง ...เพราะนี่คืออินเดีย เจ้าของสโลแกน Incredible India... ที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้อย่างคาดคิดไม่ถึงเสมอ จึงไม่ควรคิดอะไรมากหากต้องการอยู่อย่างมีความสุข ...มีอะไรให้ทำก็รีบทำ ...มีอะไรให้กินก็รีบกิน ...มีโอกาสเข้ามาก็อย่ามัวแต่รีรอบิดตะกูด ...เดี๋ยวจะเหลือแต่ราคาคุยให้เจ็บใจเล่น !!


 st11 st11 st11 st11 st11 st11

บังเอิญในช่วงเวลาที่ข่าวดีเข้ามา อาตมามี*สัตตาหกรณียะ* กลับประเทศไทยรอบสอง ประมาณวันที่ ๒๙ ส.ค. ๒๕๕๗ โดยมีบรรยายธรรมในวันที่ ๓๐ และ ๓๑ ส.ค. ๒๕๕๗ จึงมีเวลาไปเตรียมงานพัฒนา Sacred Site/ลานพระโอวาทปาติโมกข์ ที่วัดป่าพุทธพจน์ฯ ลำพูน ดินแดนของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย...

สิ่งแรกที่อาตมากระทำ คือ การติดต่อช่างฝีมือในท้องถิ่นซึ่งสามารถทำงานปูนปั้นได้ โดยประสงค์ที่อยากให้เป็นงานศิลปะของพระพุทธศาสนา ฝีมือช่างหริภุญไชย... โดยได้มอบให้ จีรพัฒน์ สังขทรัพย์ ลูกสาวอดีตผู้การตำรวจชื่อแม้น แม่ชื่ออุไร สนิทสนมกับนิชาดา สามีชื่อสมศักดิ์ เป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ช่วยเหลือในการจัดการด้านเอกสารเดินทางและได้มอบให้ กฤษณ์ (พล.ต.ต.กฤษณ์ กิติลือ) ช่วยเป็นธุระอำนวยการให้ช่างฝีมือทั้งสามไปกราบทูลลาพระนางจามเทวี และกราบนมัสการพระธาตุหริภุญไชย ก่อนเดินทางสู่ชมพูทวีป เพื่อร่วมกันพัฒนาเวฬุวันฯ ให้กลับมาเป็นมหาวิหาร เขตแดนพุทธศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง...


อ่านต่อสัปดาห์หน้า


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/322264/ปาฏิหาริย์แห่งธรรม-ณ-เวฬุวันฯ-อินเดีย-ตอนที่-๒-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ