ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจุบันธรรม : ธรรมะยู-เทิร์น  (อ่าน 2439 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปัจจุบันธรรม : ธรรมะยู-เทิร์น
« เมื่อ: ตุลาคม 23, 2014, 09:01:15 am »
0
 

ปัจจุบันธรรม : ธรรมะยู-เทิร์น
โดย อิทธิโชโต

ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้วด้วยธรรมนี้ อันเป็นธรรมที่บุคคลจะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฐิโก), เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล (อกาลิโก), เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (เอหิปสฺสิโก), ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก), อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ). มู.ม. ๑๒ /๔๘๕ /๔๕๑

คนเราเกิดมาแล้วต่างคนต่างเสาะแสวง ค้นหาสิ่งของที่ตัวเองอยากจะได้ แล้วจะต้องเป็นของใหม่อยู่เสมอ ถ้าผู้ใดอยากจะได้ของใหม่ๆ อยู่เสมอ จงประพฤติปฏิบัติธรรมเถิด เพราะผู้ที่มีธรรมในใจชื่อว่า มีของใหม่อยู่เสมอ เพราะธรรมะไม่เคยล้าสมัย

ผู้ใดสัมผัสด้วยจิตใจแล้ว ธรรมะก็เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ธรรมะไม่มีวัย ไม่มีอายุ ไม่แก่ ไม่ชรา ไม่คร่ำคร่า จิตของคนก็เหมือนกัน เป็นของใหม่อยู่เสมอ ของใหม่ คือ ไม่เก่าใช่ไหม ไม่เหมือนคนเราเกิดมา เป็นเด็ก เดี๋ยวก็แก่ มันก็เก่าไปตามวันเวลา เดี๋ยวก็ตายแล้วก็มาเกิดใหม่อีก หมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่เป็นแบบนั้น แต่อยู่ ณ ปัจจุบันตลอดเวลา


 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้ปัจจุบันธรรมเกิดขึ้นในใจเราให้ได้ เพราะธรรมะไม่ใช่เกิดมีขึ้นได้ง่ายๆ ต้องสร้าง ต้องทำเอา ธรรมะหาซื้อไม่ได้ด้วย ต้องตั้งใจปฏิบัติด้วยความศรัทธา อุตสาหะ วิริยะ ด้วยความเพียงรของคนนนนั้นเอง อยู่ๆ ธรรมะจะหล่นลงมาเหมือนฝน ไม่ใช่ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อเรายังไม่พบธรรมะในใจ เราก็อาศัยสิ่งที่เราอยู่ เราเป็น ตรงนี้ แหละสร้างขึ้น

เช่นเราอาจเป็นคนขี้โมโห ก็อาศัยความโมโหนี้มาพิจารณา จนเข้าใจอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในจิตใจ เราจะค่อยๆ เข้าใจมันไปเอง

สงครามที่เกิดขึ้น ที่นั่น ที่นี่ มันเกิดขึ้นจากจิตใจก่อน จากจิตใจที่ไม่พอใจ จิตใจที่ขัดแย้ง แต้ถ้ามีธรรมะในใจ เราจะเห็นใจเราไม่พอใจ เห็นโทสะเกิด มันแก้ได้ด้วยปัจจุบันธรรมเดี๋ยวนี้เลย แล้วโทสะจะเกิดขึ้นได้ไหม ถ้าเราระงับมันได้ตั้งแต่อยู่ในใจ มันก็ไม่เกิด สงครามก็ไม่เกิด จึงเรียกว่า มีธรรมะ

ธรรมะจึงมีคุณประโยชน์มากทำให้จิตของคนคนนั้น เย็น สงบสุข ทำให้สังคมสงบเย็น



คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ไม่อยากมีธรรมะในใจ เขาคิดอยู่ แต่ไม่ทำเอง ไม่ปฏิบัติเอง ไม่ทำให้เกิดขึ้นในจิตใจ ถ้ามาเจริญสติ เอาธรรมะมาอบรมจิตใจ มันก็จะรู้ว่า โทสะ โมหะ โทษเป็นอย่างนี้ เมื่อรู้จากจิตใจจริงๆ ก็ระงับได้ ที่คนส่วนใหญ่รู้แล้วระงับไม่ได้เพราะรู้แค่ระดับสัญญาเฉยๆ เช่นว่า พอเราเห็นคนนั้นโกรธ คนนี้โกรธ เราก็ว่า ไม่ดีเลยนะ แต่พอเกิดขึ้นกับเราเองก็ระงับไม่ได้ นี่เพราะว่า ธรรมะยังไม่เกิดขึ้นกับจิตใจจริงๆ

เพราะฉะนั้น อยากรู้ว่าคนเราทำได้จริง ไม่จริง ก็ต้องดูตอนที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง มีภาษิตว่า คนเป็น เป็นหมู คนดูเป็นอาจารย์ จริงหรือไม่ลองพิจารณาดู

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141016/194124.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ