ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระนำเอาปัจจัย จากกิจนิมนต์ มาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลูกและภรรยา จะบาปไหม.?  (อ่าน 2251 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระนำเอาปัจจัย จากกิจนิมนต์ มาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลูกและภรรยา จะบาปไหม.?
ปุจฉา-วิสัชนา กับ พระไพศาล วิสาโล

ปุจฉา : นมัสการเจ้าค่ะพระอาจารย์ เมื่อปีที่แล้วพระน้องชาย ได้ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนแล้วต้องผ่าตัดหลัง เหล็กทำให้เดินตัวไม่ตรง ทำงานหนักลำบาก พระน้องชายมีลูกชายสองคน แต่พระน้องชายทำงานอะไรก็ไม่รุ่ง โยมเลยให้น้องบวชเพื่อปฏิบัติจะได้เรียนรู้พระธรรมก่อนออกมาดำเนินชีวิตใหม่ เพื่อเป็นพุทธบูชา ส่งบุญให้พ่อแม่ด้วยคะ เพราะว่าพระน้องเคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับพ่อเป็นประจำ

โยมรับผิดชอบเรื่องงานบวชและค่าใช้จ่ายของลูกเมียเขาสามเดือน ถ้าสึกออกมาจะให้เงินก้อนหนึ่งมาสร้างหลักฐาน พระน้องชายก็บวชมาจนได้หนึ่งพรรษา ตอนนี้ยังไม่ได้สึกออกมา พระน้องชายกับเจ้าอาวาสไม่อยากให้สึกออกมา เพราะว่าระหว่างที่บวชได้ปฏิบัติทำวัด พัฒนาสร้างวัดให้เจริญขึ้นมากมาย เพราะว่าพระน้องมีอาชีพรับเหมา ซ่อมแซม ซ่อมแซมวัดหลายอย่าง

โยมมีข้อสงสัยว่า พระน้องจะผิดหรือบาปหรือไม่เจ้าคะ ถ้าได้ทำกิจนิมนต์ของสงฆ์ แล้วได้ปัจจัยจากกิจนิมนต์ แล้วพระน้องนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกเมีย แล้วของที่ชาวบ้านนำมาบริจาคใส่บาตรแล้ว พระน้องนำมาให้พ่อแม่รับประทานด้วยจะบาปไหมคะ

ขอขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ที่จะให้ลูกและครอบครัวมีสัมมาทิฐิ จะได้ปฏิบัติให้ถูกไม่ต้องทำบาปต่อไป


 ask1 ask1 ans1 ans1

วิสัชนา : ถ้าว่าตามพระวินัย การรับปัจจัยไม่ว่าจากกิจนิมนต์หรือจากเหตุใดก็ตาม ย่อมไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้พระและโยมส่วนใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องที่พอรับได้
    อย่างไรก็ตาม การนำเงินที่ได้จากกิจนิมนต์ไปให้แก่ภรรยาเก่านั้น คนทั่วไปคงรับไม่ได้ เพราะชวนให้เข้าใจว่าพระยังมีเยื่อใยกับอดีตภรรยา ไม่สมควรแก่การเป็นสมณะ
    แต่หากจะนำเงินไปช่วยลูกหรือสงเคราะห์พ่อแม่ก็ยังพอรับได้ หากว่าบุคคลเหล่านั้นอยู่ในฐานะที่ลำบากขัดสน

ในสมัยพุทธกาล พระนันทิยะได้ทราบว่าบิดามารดา ซึ่งเคยเป็นเศรษฐี ได้กลายเป็นขอทาน ท่านจึงกลับมาเยี่ยมบ้าน ระหว่างที่พักที่เชตวันท่านก็บิณฑบาตเลี้ยงบิดามารดา จนร่างกายผ่ายผอม เมื่อพระทั้งหลายทราบเข้าก็โจษขานว่าท่านเอาอาหารที่ได้จากบิณฑบาตไปเลี้ยงฆราวาส ถือเป็นการผิดพระวินัย แต่เมื่อพระพุทธองค์ทราบ กลับอนุโมทนาและตรัสว่า “ดีแล้ว ชอบแล้ว นันทิยะ เธอตั้งอยู่ในกตัญญูกติเวทิตาคุณอันควรสรรเสริญ”


ขอบคุณบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141022/194472.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ