ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อิ่มบุญ.! ทอดกฐินแบบพุทธกาล ที่บังกลาเทศ  (อ่าน 1314 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29397
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 

อิ่มบุญ.! ทอดกฐินแบบพุทธกาล ที่บังกลาเทศ
สำราญ สมพงษ์ รายงาน

ปัจจุบันนี้การทำบุญทอดกฐินค่อนข้างจะง่าย เมื่อไปจองว่าจะเป็นเจ้าภาพที่วัดใดได้แล้ว ก็เพียงมีทุนทรัพย์บ้างก็สามารถไปหาซื้อผ้าไตรจีวรตามร้านสังฆภัณฑ์ต่างๆ เมื่อถึงกำหนดเวลาก็เดินทางไปทอดเสร็จแล้วก็จบ ภาพเช่นนี้ได้เห็นทั่วไปในประเทศไทยช่วงเทศกาลทอดกฐิน

การทอดกฐินในแต่ละประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาก็มีวิธีการแตกต่างกันไปอยู่ที่ว่าจะเน้นที่จุดใด อย่างประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเน้นที่การหาทุนทรัพย์เพื่อสร้างศาสนวัตถุเป็นสำคัญส่วนจะเน้นการพัฒนาคุนส่งเสริมการศึกษานั้นยังน้อยอยู่

แต่สำหรับวัดที่เมืองจิตตะกอง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบังกลาเทศติดกับประเทศเมียนมาร์  ภายใต้การนำของพระU Pannya Jota Thera แม้จะเป็นประเทศที่มีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนน้อยก็ตามแต่ยังคงรักษาวิธีการการทอดกฐินแบบครั้งพุทธกาลอยู่




เริ่มจากการตั้งต้นกฐินชาวบ้านก็จะนำฝ้ายมาติดตามต้น ดูประหนึ่งว่าเป็นต้นฝ้าย หลังจากนั้นนำมายีมาปั่นเป็นเส้นด้ายแล้วทอเป็นฝืน เสร็จแล้วก็ตัดเป็นจีวรตามแบบที่พระอานนท์พุทธอุปัฏฐากได้ออกแบบไว้เหมือนคันนา หลังจากนั้นก็นำผ้าไปถวายตามวิธีการถวายเช่นเดียวกันประเทศไทย และวิธีการทำบุญที่วัดแห่งนี้ก็มีวิถีไม่แตกต่างจากประเทศไทยเท่าใดนัก

ดังที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าการทอดกฐินที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นการทำบุญที่มีผลมาก เพราะนอกจากจะเป็นสงเคราะห์พระสงฆ์ให้ได้อานิสงส์ตามพระวินัยแล้ว ผู้ถวายยังจะได้อานิสงส์ตามที่ระบุในเฟซบุ๊ก"คำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ)" โดยสรุปว่า ถือว่าเป็นการถวายสังฆทานคือไม่เจาะจงว่าจะถวายพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใด พร้อมกับยกพุทธพจน์สมัยที่พระองค์เสวยชาติเป็น "มหาทุคคตะ" มีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" ที่ได้ตรัสถึงอานิสงส์ไว้ว่า





    "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้า 500 ชาติ"

    และตรัสอีกว่า นอกจากนี้จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้

หากจะบูรณาการหลักการของการทอดกฐินเข้ากับการแก้ปัญหาในยุคปัจจุบันแล้ว ประการแรกคงเป็นแนวความคิดในการช่วยเหลือบุคคลอื่นหากพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสมกับกาลเวลาหรือช่วงจังหวะที่เหมาะสมแล้วก็จะเกิดประโยชน์มากขึ้น นอกจากนี้การทอดกฐินยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างความสามัคคีอันเป็นพื้นฐานของการสร้างความปรองดองลดปัญหาความขัดแย้งลงได้ หากมีการกระทำที่เป็นกระบวนการแล้วเชื่อว่าความขัดแย้งในสังคมไทยจะลดลงและสามารถเป็นกุศโลบายในการแก้ปัญหาด้านอื่นๆได้ด้วย


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141105/195378.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ