พิมพ์

[raponsan]

สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระปฐมเจดีย์

พันธุ์แท้พระเครื่อง โดย ราม วัชรประดิษฐ์

วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร จ.นครปฐม ที่ประดิษฐาน "องค์พระปฐมเจดีย์" ปูชนียสถานเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เป็นสิ่งที่ชาวนครปฐมภาคภูมิใจและเคารพบูชาอย่างสูงสุด รวมทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศที่ถ้ามีโอกาสเดินทางไป จ.นครปฐม หรือผ่านไปทางนั้น ก็จะต้องแวะเข้าเยี่ยมชมความงดงาม และกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อความเป็น สิริมงคล

องค์พระปฐมเจดีย์ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2396 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างครอบ "พระเจดีย์องค์เดิม" ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบน

 

สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4 เนื่องจากรูปร่างของเจดีย์แบบโอคว่ำ มีลักษณะคล้ายกับสาญจีเจดีย์ในอินเดีย ซึ่งสร้างสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช การก่อสร้างเจดีย์ครอบองค์ใหม่เสร็จเรียบร้อยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2413 รวมเวลาก่อสร้าง 17 ปี ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม รูประฆังคว่ำแบบลังกา มีความสูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฎ 3 เส้น 1 คืบ 6 นิ้ว หรือประมาณ 120.45 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 16 วา 3 ศอก หรือประมาณ 233.50 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้งามสง่ายิ่งขึ้น และนับได้ว่าวัดพระปฐมเจดีย์แห่งนี้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6

 

ความศักดิ์สิทธิ์ของ "องค์พระปฐมเจดีย์" เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

... ครั้งหนึ่ง ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 สมัยดำรงพระยศเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ทรงแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ ทรงพบพระบรมสารีริกธาตุจากองค์พระปฐมเจดีย์เปล่งรัศมีสว่างไสวไปทั้งองค์ ทรงมีจดหมายเหตุกราบถวายรายงานต่อพระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรัสว่า "... เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นผ่านไปทางนครปฐม ก็พบปาฏิหาริย์แบบนี้เช่นกัน มีรับสั่งให้มหาดเล็กตรวจค้นหาดูว่า มีผู้ใดแกล้งทำให้เป็นไปแบบนั้นหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่มี ..."

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของ "พระบรมสารีริกธาตุ" แล้ว "พระร่วงโรจนฤทธิ์" ก็ถือเป็นที่สุดแห่งความเคารพศรัทธาของชาวนครปฐมและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ด้วยพุทธลักษณะที่งดงามสง่าเป็นเลิศและความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ปรากฏเช่นกัน

 

พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปประทับยืนองค์ใหญ่ ปางประทานอภัย ศิลปะแบบสุโขทัย ประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาทของพระพุทธรูปโบราณที่เป็นที่ ต้องพระราชหฤทัยแต่ชำรุดมากมาจากเมืองศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำรูปปั้นปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มพระองค์ เมื่อปี พ.ศ.2456 พระราชทานนามว่า "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรมโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร"

แต่ประชาชนทั่วไปจะเรียกว่า "หลวงพ่อพระร่วง" หรือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์"

นอกจากนี้ที่ฐานของ "พระร่วงโรจนฤทธิ์" ยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 6 ตามความในพระราชพินัยกรรม ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระอังคารของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ไปบรรจุไว้เคียงข้าง

มีความเชื่อว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์โปรดลูกปืน ต้องแก้บนด้วยการยิงปืน แต่ต่อมาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงใช้จุดประทัดแทน และ ของโปรดอีกอย่างที่เป็นที่ทราบกันทั่วไปของชาวบ้านทั้งชาวไทยชาวจีนในนครปฐม คือ ไข่ต้มสุกแล้วชุบสีแดงที่เปลือก

 

เคยเห็นมี ผู้มาแก้บนด้วยไข่ต้มนับร้อยนับพันใบมาแล้ว ปิดท้ายกันด้วย "พระคาถาบูชา" ครับผม

"ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่ใด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ ไม่น้อย งดงามดุจพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ผู้ทัศนา อยู่เสมอ

ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการอยู่โดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะคือดอกไม้ไฟอันตั้งอยู่ ณ ทิศทั้งสี่ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ ได้แล้วซึ่งบุญอันใด

ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข เป็นผู้ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์เทอญ"

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE56TTNNVGd6TlE9PQ==&sectionid=TURNd053PT0
http://static.panoramio.com/

[PRAMOTE(aaaa)]

ขออนุโมทนาสาธุ

[PRAMOTE(aaaa)]

   

            พระโสณะพระอุตตระเถระนี้         และยังมีอีกสามองค์ห้าอรหันต์

         เหยียบแผ่นดินสุวรรณภูมิหลังพุทธกาล       สองเจ็ดสี่พอศอนั้นจําให้ดี

       
            เจ้าอโศกส่งลงเรือมาแผ่ธรรม         ทั้งบกนําเป็นเก้าสายไปทั่วโลก

     นําพระธรรมมาเผยแผ่ไตรปิฏก              ถ้านับศกสองพันกว่าปีผ่านมา


             สร้างวัดปฐมโพธิคุณเป็นวัดต้น         พระได้ขนเอาหน่อโพธิมาปลูกฝัง

    มีต้นเดียวเป็นชื่อวัดตามท่านสร้าง           และอีกอย่างคือพระบรมสารีริกธาตุ


        สร้างเจดีย์บรรจุองค์ที่เชิญมา            ของศาสดาบรรจุไว้ภายในนั้น

   สุวรรณภูมิได้กราบไหว้สาธุกาล            เรืองสถานสร้างตํานานสืบต่อมา

     
        ศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาเป็นชุดแรก     สิ่งที่แปลกคือตถาคตได้บวชให้ 

   สิ่งนี้คือทั้งห้าองค์มิเหมือนใคร           มีพิเศษกว่าพระไหนได้เทียบเทียม


         หลวงปู่เทพโลกอุดรพระอุตตระ      พระโสณะอีกสามองค์จําชื่อไม่

  พระปฐมพระเจดีย์สร้างจากใคร            นี่แหละหนาที่กล่าวไว้ให้เล่ากัน


         เป็นกรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ     จากตถาคตถึงวัดพลับเรื่องกรรมฐาน

 ชื่อวัดราชสิทธารามอันลือนาม            ใครอยากเป็นศิษย์กรรมฐานวัดนี้ดี


       เล่าถึงกาลพระกรรมฐานเข้ามาสู่      ชมพูทวีปสุวรรณภูมิแถบถิ่นนี้

  ขอย่อเลยถึงกรุงเทพเมืองธานี        กรรมฐานนี้ก็ยังอยู่คู่เมืองไทย

                          คํากลอนประกอบ..Pramote  intharachan.


             
   
                 

                     

[PRAMOTE(aaaa)]

ขอแก้ไขในบทกลอน

     พศ.236 ขึ้นลังกา ระยะหนึ่งย้ายมา นครศรีธรรมราช อยู่ที่นี่สามปี

       พ.ศ.274 ขึ้นนครปฐม