พิมพ์

[raponsan]

เล่นโซเชียลฯระวังพิษ 'ติดบ้านแตก' ยิ่งฮิตยิ่งเกิดถี่'มโนดุ'

การ ’เล่นไลน์-เล่นแชต“ ยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับ “เด็ก-วัยรุ่น” เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “กลุ่มคนวัยทำงาน” และแพร่ไปถึงวัยผู้ใหญ่ ถึงระดับ “ผู้สูงวัย-ผู้สูงอายุ” ด้วย

กลายเป็นประเด็นฮือฮา กรณีที่ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกประกาศ “ห้าม” ไม่ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสาร ของทางราชการ “เล่นไลน์-เล่นเฟซบุ๊ก” โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับการออกคำสั่งดังกล่าว ประมาณว่า...พบกรณีที่มีการนำอุปกรณ์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของราชการไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ จนทำให้เกิดปัญหา จึงกลายเป็นที่มาของการ “ห้ามเล่นไลน์-ห้ามแชต” ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่สังคมมีความคิดเห็นหลากหลาย มีทั้งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย

ที่ชัด ๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกกรณีของ “สื่อโซเชียลฯ”
ที่สะท้อนภาพสังคมไทยในยุค ’ติดไลน์-ติดแชต“

 

การ ’เล่นไลน์-เล่นแชต“ ยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับ “เด็ก-วัยรุ่น” เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “กลุ่มคนวัยทำงาน” และแพร่ไปถึงวัยผู้ใหญ่ ถึงระดับ “ผู้สูงวัย-ผู้สูงอายุ” ด้วย เรียกว่าการ... ’ใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก“ นี้ มีในทุกกลุ่ม-ทุกเพศ-ทุกวัย แต่ที่ไม่ค่อยดีก็คือ มีหลาย ๆ กรณีที่ ’โยงกับเหตุการณ์ร้าย ๆ“ ที่ลงเอยด้วย ’การใช้ความรุนแรง“ ซึ่งระยะหลัง ๆ ดูจะเกิดถี่

ทั้งนี้ แค่เดือนแรกของปี 2558 ในช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ก็มีกรณีเล่นแชต-เล่นไลน์ ที่โยงกับเหตุการณ์ร้ายแรง ที่ปรากฏเป็นข่าว อย่างน้อยก็ 2 กรณี โดยกรณีแรกเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดหนึ่งแถบภาคเหนือตอนล่าง ชายรายหนึ่งใช้ปืนลูกซองยิงหญิงรายหนึ่งที่คบหากัน หลัง เกิดหึงหวง เมื่อพบว่าฝ่ายหญิงใช้โปรแกรมไลน์แชตคุยกับเพื่อนผู้ชาย เกิดมีปากเสียงกันมาระยะหนึ่ง ต่อมาฝ่ายหญิงได้ขอแยกทาง แต่ฝ่ายชายไม่ยินยอมและทะเลาะกันหนักขึ้น จนกระทั่งเกิดเหตุสลดใจดังกล่าว ขณะที่อีกกรณีเกิดเหตุในช่วงปลายเดือน ม.ค. ในพื้นที่กรุงเทพฯ กับเหตุการณ์สามีใช้อาวุธปืนยิงภรรยา หลังฝ่ายชาย เกิดหึงหวง ฝ่ายหญิงที่ชอบเล่นไลน์คุยกับเพื่อน และมีปากมีเสียงรุนแรง ก่อนจะนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นในที่สุด...

เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ ชนิดที่ไม่น่าจะเกิด
เกิดโดยยึดโยงกับการ ’เล่นไลน์-เล่นแชต“

 

ขอเน้นว่า ณ ที่นี้มิใช่จะชี้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นที่ว่ามาเป็นเพราะติดไลน์-ติดแชต อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทั่วไป กับการ “เล่นไลน์-เล่นแชต” นั้น ในด้านหนึ่ง ถ้าถึงขั้น “ติด” ก็ “อาจทำให้เกิดปัญหา” ได้ โดยทีม “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้ลองเข้าไปสำรวจในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง www.pantip.com ก็พบว่า...มีหลาย ๆ คนที่เข้ามาระบาย “ความอึดอัดใจ” กับเรื่องราวทำนองนี้ กับเรื่องของคนใกล้ตัว กับคนในครอบครัว ที่มีทั้งที่เป็นญาติ และรวมถึง พ่อ-แม่ ที่ติดการเล่นโซเชียลฯ เล่นไลน์ ถึงขั้นซึมลึก!!

ยกตัวอย่างเช่น...รายหนึ่งมีการโพสต์ไว้ว่า...’คือคุณแม่ติดแชต ติดไลน์ จะแก้ปัญหายังไงดีคะ แล้วเค้าก็ทะเลาะกะพ่อเราทุกวัน บ้านจะแตกแล้วค่ะ เครียดมาก ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง“ หรือบางรายก็โพสต์ระบายความอึดอัดใจผ่านเว็บบอร์ดดังกล่าวนี้ไว้ว่า...’ระบายค่ะ เราทนไม่ไหวกับการที่ทั้งบ้านเราและญาติ ๆ ติดไลน์ถึงขั้นที่ขอเรียกว่าบ้าคลั่ง! คือ แชตทั้งวัน ส่งแต่อะไรก็ไม่รู้ เหมือนยุคหนึ่งที่มี forward mail กับพวกจดหมายลูกโซ่ ขับรถถึงบ้านก็ไม่เข้าบ้าน แต่ยังนั่งจิ้มไลน์บนรถต่ออีก หรือจิ้มไลน์เป็น แต่ใช้ไลน์ไม่เป็น ไม่รู้จักปิดแจ้งเตือน ปล่อยให้มือถือดัง/สั่น ทั้งวันทั้งคืน จะ unfriend จะบล็อกก็ไม่ได้ เดี๋ยวรู้เข้าจะพาลบ้านแตก เครียดมากค่ะ ใครเจอแบบนี้บ้างคะ“ ...ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างบางส่วน เกี่ยวกับ “กรณีปัญหา” จากเรื่องนี้ จากอาการ “ติดโซเชียลฯ” ที่ยุคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่ม

 

ทั้งนี้ กับการติดโซเชียลฯ ติดไลน์ ที่อาจจะนำไปสู่ “เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์” ได้นั้น ทาง ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า...ปัจจุบันผู้คนเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ง่ายขึ้น ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก รวมถึงช่องทางอื่น ๆ ซึ่งการใช้สื่อกลุ่มนี้ช่วยให้ผู้คนสร้างจินตนาการ หรือทำให้คน “มโน” ในสิ่งที่ตนต้องการได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยิ่งทำให้โลกปัจจุบันเป็นแบบ ’คนไกลยิ่งใกล้-คนใกล้ยิ่งห่าง“ มากขึ้นด้วย

ในมุมวิชาการ เรียกลักษณะแบบนี้ว่า...“การสร้างโลก” คือสร้างโลกอีกใบขึ้นมา เพื่อออกจากโลกความเป็นจริงที่ตนเองเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตาม การใช้สื่อกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แม้จะมีมุมดี แต่ก็มีมุมลบด้วย ยิ่งถ้าไม่รู้จักใช้อย่างเหมาะสม ก็ยิ่งอาจทำให้เกิดแต่ปัญหา ยกตัวอย่างเช่น สามีภรรยารักกัน อยู่กินด้วยกัน จนเกิดเป็นความชินชาและชาชิน เมื่อมีโอกาสใช้สื่อนี้คุยกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่รัก ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกสนุก อาจมีการใช้สติกเกอร์ ใช้สัญลักษณ์แทนอารมณ์-ความรู้สึก นี่ก็ยิ่งอาจทำให้เกิดการมโน คิดไปต่าง ๆ นานาได้ง่ายขึ้น จนอาจนำสู่ความ “เข้าใจผิด-ระแวง” เหมือนหลาย ๆ กรณีที่เกิดขึ้น...

 

’ขณะที่เรากำลังใช้สื่อนี้อย่างสนุกนั้น ก็ต้องระวังไว้บ้าง ทุกคนที่ใช้งานสื่อนี้ ควรจะต้องมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานให้ชัดเจน ไม่พร่ำเพรื่อ ต้องคำนึงถึงเจตนา และต้องรู้จักกาลเทศะในการใช้ เพราะสื่อนี้ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดี เช่น เป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่อยู่ไกลกัน ทำให้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น เพื่อช่วยรักษาความสัมพันธ์ของกันและกัน ขณะที่ข้อเสีย เช่น หากใช้ในเวลาที่อยู่กับครอบครัวหรือคนรัก เรียกว่า...ต่างคนก็ต่างก้มหน้า หรือไม่สนใจคนตรงหน้า การพูดคุยกันจริง ๆ ก็น้อยลง ทำให้ความไม่เข้าใจเพิ่มขึ้น จนคนที่อยู่ใกล้กันรู้สึกว่าถูกมองข้าม ไร้คุณค่า เมื่อไหร่ที่เกิดความรู้สึกนี้ ก็เตรียมตัวได้เลยว่า...ปัญหากำลังจะตามมาแน่นอน“...เป็นการระบุเชิงเตือนให้คิด จาก ดร.จิตรา

ก็ขอเน้นว่า...มิใช่จะชี้ว่าใช้ “สื่อโซเชียลฯ” นี่ไม่ดี
ก็เป็นแต่เพียง...สะท้อนมโนมุมกลับ ’มโนแล้วดุ“
ก็ต้องระวังไว้บ้าง...เพื่อมิให้เกิดเรื่องน่าเศร้า!!!.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/Article/299150/เล่นโซเชียลฯระวังพิษ+_ติดบ้านแตก_+ยิ่งฮิตยิ่งเกิดถี่_มโนดุ_