พิมพ์

[raponsan]

บุกสำนักพ่อปู่ฤาษี!! หลังโชว์เคี่ยวชิ้นส่วนอวัยวะเพศทำน้ำมันพราย พบลูกกรอกอื้อ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำโดย พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 ร่วมกับชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กว่า 50 นาย นำหมายค้นเข้าตรวจสอบภายในสำนักหลวงปู่ฤาษีตาไฟ ตั้งอยู่ หมู่ 9 ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง ซึ่งเป็นสำนักของเหล่าจอมขมังเวทย์ที่มีภาพปรากฏทางเว็บไซต์ กำลังเคี่ยวชิ้นส่วนศพทำน้ำมันพราย โดยมีนายอิ่นคำ ปัญญาเรือง หรือ พ่อปู่ฤาษีนารายณ์ อายุ 59 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดเวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย รับเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และยังเป็นเจ้าสำนักด้วย
   
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การบุกค้นสำนักพ่อปู่ฤาษีของนายอิ่นคำครั้งนี้ หลังสืบสวนทราบว่าสำนักไสยศาสตร์แห่งนี้มีการโฆษณาจำหน่ายเครื่องรางของขลังผ่านเว็บไซต์ และมีการลงภาพขณะต้มอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง มดลูก สายรก ทำน้ำมันพราย ทำให้ตำรวจเชื่อว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการซื้อขายชิ้นส่วนศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจค้นสำนักฤาษีแห่งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจากการขุดพบศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ตามที่นายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อำเภอดอยหล่อ ให้การ กระทั่งขยายผลไปตรวจค้นสุสานหายยา จนพบเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ บรรจุอยู่ในถุงดำกว่า 20 ถุง ซุกซ่อนในห้องใต้ดิน ใต้เมรุเผาศพภายในสุสานหายยา กลางเมืองเชียงใหม่ ขณะที่นายสุทัศน์ เนรมิตร สัปเหร่อ และนางสมบูรณ์ เนรมิตร หรือ ยายบุญ ภรรยา ให้การปฎิเสธไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการซื้อขายศพเด็กทารกและชิ้นส่วนมนุษย์ แต่ยอมรับว่า รับชิ้นส่วนจากแล็บแห่งหนึ่งมาเผาทำลาย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่แสดงหมายค้น นายอิ่นคำได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในอาศรมทุกจุด โดยให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง การตรวจค้น เจ้าหน้าที่ พบเครื่องรางของขลังจำนวนมาก ทั้งลูกกรอก ขนาดความยาว 3 นิ้ว ที่วางเรียงอยู่ในถาดกว่า 50 ชิ้น นารีผล ตะกรุด หุ่นพยนต์ รวมทั้งน้ำมันสีเหลืองทองบรรจุขวดอีก และยังพบมีการปั้นหุ่นดินกอดกันในบาตร ทำพิธีเกี่ยวกับเสน่ห์ยาแฝด ให้ผัวรักผัวหลง และทำให้สามีภรรยาเลิกรา เกลียดชังกัน โดยมีพิธีการหลายรูปแบบ เกี่ยวกับเรื่องคู่ และอุปกรณ์อื่นๆ เกี่ยวกับไสยเวทย์ ไสยศาสตร์จำนวนมาก แต่ไม่พบอวัยวะเพศ หรือ ชิ้นส่วนศพ ตามภาพที่มีการเผยแพร่ขณะนายอิ่นคำกำลังเคี่ยวชิ้นส่วนต่างๆ ในหม้อและเผยแพร่ทางเว็บไซต์ คาดว่าคงไหวตัวทัน และเก็บไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ด้านนายอิ่นคำ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนหน้านี้เคยบวชเป็นพระมานาน 23 ปี ระหว่างนั้นได้ร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์ พร้อมกับเปิดสำนักพ่อปู่ฤาษีที่บ้านหลังนี้ไปพร้อมๆ กัน กระทั่งได้ลาสมณเพศ ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดเวียงชัย จ.เชียงราย ในปี 2553 เพื่อมาปลุกเสกเครื่องรางของขลังและรับสักยันต์ที่สำนักพ่อปู่ฤาษี โดยมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและสิงคโปร์ สำหรับเครื่องรางของขลังที่มีการทำและปลุกเสกขึ้นมา ส่วนใหญ่จะเป็นลูกกรอก ที่ปั้นขึ้นมาจากปูนและมวลสารอื่นๆ เช่น น้ำมันจันทร์ และ ว่าน รวมทั้งปลุกเสก หุ่นพยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนและสิงคโปร์   

 นอกจากนี้นายอิ่นคำ เปิดเผยอีกว่า เรื่องการไปซื้อซากศพหรือชิ้นส่วนศพตนไม่ทำ และไม่รู้จักนางสมบูรณ์ เนรมิต และ นายสุทัศน์ เนรมิต สองสามีภรรยาสัปเหร่อสุสานหายยา ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า สำนักแห่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการซื้อขายศพและชิ้นส่วนศพ ขณะที่การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เชื่อว่านายอิ่นคำจะไหวตัวทัน รู้ล่วงหน้าทำให้ไม่พบหลักฐานใด เช่นที่ปรากฏในเว็ไซต์ ซึ่งถูกปิดไปเมื่อเช้านี้

อย่างไรก็ตามแม้จะไม่พบหลักฐาน แต่ได้สั่งให้ตำรวจ สภ.แม่แตง เชิญตัวนายอิ่นคำไปสอบถามปากคำและทำประวัติไว้ก่อน อยากฝากเตือนไปยังพวกเหล่าพวกจอมขมังเวทย์ทั้งหลายในเขตภาคเหนือ 8 จังหวัดตอนบน รวมทั้งเหล่าพระสงฆ์สายดำ ทั้งหลาย ขอให้เลิกพฤติกรรมที่นำซากศพหรือชิ้นส่วนศพมาประกอบทำพิธีพวกอวิชา หรือพวกคุณไสย ไสยเวทย์ หรือไสยศาสตร์ ต่างๆ เพราะเข้าข่ายผิดกฏหมายและยังผิดระเบียบผิดศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทยด้วย สร้างบาปกรรมต่างๆ กับคน

จากการสืบสวนทราบว่ามีพวกจอมขมังเวทย์ ที่ตั้งสำนักขึ้นมา และเป็นที่รู้จัก และขึ้นเว็บไซต์ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ ประมาณ 4-5 ราย ทางตำรวจภาค 5 ได้บันทึกข้อมูลไว้แล้ว และได้ส่งชุดสืบสวน ล็อกเป้าหมายไว้จนรู้ที่อยู่แน่ชัด ฝากเตือนให้หยุดพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฏหมาย การนำชิ้นส่วนศพมาประกอบพิธีต่างๆ ถือว่าไม่ถูกต้อง สำหรับคดีที่ตนได้ดำเนินการสืบสวนตั้งแต่ต้นเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ ตนได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ละหน่วยให้ช่วยดูแล และตรวจสอบในแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัดแล้ว ในเขตภาคเหนือ เพราะหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคฯ , เทศบาลต่างๆ สาธารณสุขประจำแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแล และสามารถเข้าตรวจสอบดำเนินคดีเหมือนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลย ซึ่งตนได้มอบเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ และสอดส่องดูแลในแต่ละท้องที่ของหน่วยงานนั้นๆ แล้ว

 สำหรับทางตำรวจภาค 5 นั้น คงจะยุติการสืบสวนสอบสวนในคดีที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น แต่หากมีการร้องเรียนหรือพบว่ามีการกระทำลักษณะซื้อขายศพ หรือนำศพเด็กหรือผู้ใหญ่ไปฝังหรือไปกระทำในพิธีที่ไม่ถูกต้อง ทางตำรวจภาค 5 ก็จะลงมาประสานกับหน่วยงานในท้องที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสืบสวนของชุดสืบสวนภาค 5 ได้ข้อมุลว่า เหล่าจอมขมังเวทย์ ที่ทางตำรวจขึ้นบัญชีไว้ 5 ราย และยังมีอีกประมาณ 10 ราย โดยทางตำรวจภาค 5 ได้ทำบัญชีรายชื่อพวกจอมขมังเวทย์เหล่านี้ไว้ในแฟ้มหมดแล้ว และเฝ้าสอดส่องพฤติกรรมกันต่อไป

 ขณะที่ความคืบหน้ากรณีนายสุทัศน์และนางสมบูรณ์ สามีสัปเหร่อสุสานหายยาและภรรยา หลังจากพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ล่าสุด ศาลสั่งให้คุมขังไว้ระหว่างพิจารณาคดี เนื่องจากทั้งสองไม่มีเงินประกันตัวจำนวน 2 หมื่นบาท โดยศาลนัดฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1430289499

[PRAMOTE(aaaa)]

 
         ยุคนี้เป็นยุคตรวจสอบอีกด้วย  ถ้ามีร้องเรียนก็คงต้องโดนตรวจ กันทุกที่

            จะขาวหรือจะดำก็ว่ากันไป

[Akira]

มองเห็นความบ้า ของ คนไทย ที่ทำเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา เป็นอย่างมาก เหมือนคนโรคจิต เลยนะคะ