พิมพ์

[raponsan]

พศ.ถก 9 หน่วยงาน ร่วมปฏิรูปพุทธศาสนา

รองผอ.พศ.เผยหารือร่วม 9 หน่วยงานแนวทางปฏิรูปพระพุทธศาสนา ไม่พูดถึงเก็บภาษีพระ วัด เน้นแก้ปัญหาพระสงฆ์ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย วัดทำบัญชีการเงินให้ได้มาตรฐาน

วันนี้( 3 มิ.ย.)ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธมณฑล นายชยพล พงษ์สีดา รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวภายหลังหารือกับ 9 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงการคลัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่งเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปพุทธศาสนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ว่า ที่ประชุมได้หารือใน 4 ประเด็นหลัก คือ ทรัพย์สินของวัดหรือพระภิกษุ พระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา การทำให้พระวินัยให้วิปริตและการประพฤติที่วิปริตจากพระธรรมวินัย รวมทั้งฝ่ายอาณาจักรต้องสนับสนุน ปกครอง คุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนาจักร

 

รอง ผอ.พศ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการดำเนินในเรื่องต่างให้เข้มขึ้นขึ้น เช่น เจ้าคณะผู้ปกครองต้องดูแลปกครองสงฆ์ให้เข้มงวดขึ้น ขณะที่สตง.เห็นว่าวัดต่างๆต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งบัญชีการเงินของวัด แต่จะให้ทุกวัดจัดทำบัญชีทรัพย์ที่เป็นมาตรฐานคงยังเป็นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พศ.ได้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้ขอให้ทุกวัดทำบัญชีทรัพย์สิน โดยปีนี้จะสนับสนุนให้วัดทำบัญชีทรัพย์สินให้ได้มาตรฐานกว่า 17,000 แห่ง ทั้งนี้ พศ.จะนำข้อสรุปของที่ประชุมไปหารือกับกรรมการมส.ทั้ง 3 รูปที่เป็นคณะทำงานของมส.แล้วเสนอต่อครม.ภายในสัปดาห์หน้า

 

“สำหรับข้อเสนอของสปช.ในเรื่องการเก็บภาษีพระที่มีรายได้เกินเดือนละ 2 หมื่นบาทนั้นที่ประชุมไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือเพราะอยู่นอกกรอบข้อเสนอที่ครม.ให้พศ.มาศึกษาเป็นเพียงความเห็นของสมาชิกสปช.บางคนที่อภิปรายและมีการเผยแพร่กันเท่านั้น ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าการจัดเก็บภาษีพระและวัดไม่สามารถทำได้ เพราะพระสงฆ์ไม่ได้มีรายได้ ซึ่งเงินนิตยภัตนั้นไม่ใช่เงินเดือนแต่เป็นเงินภัตตาหารที่พระมหากษัตริย์จัดถวาย และวัดเป็นองค์การกุศล ไม่แสวงหากำไร

สำหรับการเก็บภาษีวัดที่จัดสร้างวัตถุมงคลในเชิงพุทธพาณิชย์จะต้องตีกรอบให้ชัดเจนว่า สิ่งไหนที่วัดสร้างเพื่อตอบแทนญาติโยมและสิ่งไหนที่ถือเป็นพุทธพาณิชย์”รองผอ.พศ.กล่าวและว่า ส่วนการหมุนเวียนเจ้าอาวาสวัดทุก 5 ปี จะนำระบบการปกครองสงฆ์ไปเทียบกับทางโลกคงไม่ได้ เพราะผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสต้องคุ้นเคยต่อชุมชนในพื้นที่ จึงจะดูแลและได้รับความร่วมมือพัฒนาวัด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางในการปฏิรูปพระพุทธศาสนาที่ทาง พศ. จะเสนอครม.นั้น มี 2 เรื่องหลักที่สามารถดำเนินการได้ทันที คือ
    1.การปกครองคณะสงฆ์ ที่จะมีการประชุมพระสังฆาธิการทุกระดับทั่วประเทศ วันที่ 17-18 มิ.ย. และ
    2.แนวทางในการอบรมครูผู้สอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรม บาลี และสามัญ รวมทั้งการส่งเสริมการเรียนการสอนธรรมศึกษาในสถานศึกษาซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงกับกระทรวงศึกษาธิการแล้ว

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/325736