พิมพ์

[raponsan]

พระอึดอัด สปช.ปฏิรูปพุทธ ขู่เคลื่อนไหว

นักวิชาการ-อนุศาสนาจารย์ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงฆ์ ออกโรงป้องสถาบัน ฮึ่ม"ไพบูลย์" พูดไม่รู้ข้อเท็จจริงระบบการศึกษาสงฆ์ ขณะที่พระสงฆ์ทั่วประเทศอึดอัดปฏิรูปพุทธ สปช.หมิ่นเหม่ล้มการปกครองสงฆ์

ตามที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูป (สปช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์ กิจการพระพุทธศาสนา สปช. ออกมากล่าวว่า พระสงฆ์ควรเรียนแต่ทางธรรม ไม่ควรเรียนทางโลก รวมทั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ เน้นสอนทางโลกมากกว่าทางธรรม นิสิตอยู่ฟรี กินฟรีทุกอย่าง ไม่เสียค่าเทอม เอาเปรียบเยาวชน รวมถึงควรปฏิรูปใหญ่มหาวิทยาลัยสงฆ์และพระพุทธศาสนา นั้น

วันนี้ (11มิ.ย.) พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเผยแผ่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวว่า คณะศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน มจร.ได้หารือร่วมกันถึงกรณีดังกล่าวแล้ว เห็นว่า มจร.ต้องแสดงจุดยืนและจะมีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ นอกจากนี้ชมรมอนุศาสนาจารย์ทั้ง4เหล่าทัพ ซึ่งเป็นอดีตศิษย์เก่า มจร. จะร่วมกันแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันการศึกษาของพวกเขา โดยที่ไม่ให้ขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองด้วย "

 

จากการรับฟังเสียงของพระสงฆ์ส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ขณะนี้ต่างก็รู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งแนวทางการปฏิรูปพระพุทธศาสนาของ สปช. ที่มีวัตถุประสงค์หมิ่นเหม่ล้มระบอบการปกครองคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคม(มส.) และการกล่าวพาดพิงมหาวิทยาสงฆ์ แบบบิดเบือนข้อเท็จจริง แสดงท่าทีชัดเจนไม่ยอมรับ มส. คณะสงฆ์จึงพร้อมที่จะรวมตัวเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ ซึ่งการทำอะไรขอให้ฝ่ายบ้านเมืองจริงใจกับคณะสงฆ์มากกว่านี้" พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

ด้าน รศ.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำ มจร. กล่าวว่า พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นห่วงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาคณะสงฆ์ ที่มีความคลาดเคลื่อนบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ตนจึงอยากสร้างความเข้าใจต่อประชาชนว่า ปัจจุบันการศึกษาใน มจร. จัดการศึกษา 4 คณะ คือ พุทธศาสตร์ ครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ซึ่งทุกคณะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ เผยแผ่พระพุทธศาสนา

สำหรับโครงสร้างหลักสูตรมีจำนวน 140 หน่วยกิต ยกเว้นบางคณะที่ต้องเรียนวิชาชีพเพิ่มเติม เช่น คณะครุศาสตร์ นิสิตทุกคณะต้องเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปที่เป็นมาตรฐานบังคับ หรือ ที่เรียกว่า “วิชาทางโลก” เพียงแค่ 30 หน่วยกิตเท่านั้น นอกนั้นเรียนกลุ่มวิชาเฉพาะ คือ พระพุทธศาสนา และเรียนวิชาเฉพาะเอก 110 หน่วยกิต ซึ่งนำหลักธรรมวินัยมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับวิชาเอก เช่น วิชาแนวคิดใหม่ทางศาสนา วิชาจริยธรรมกับการพัฒนาเยาวชน วิชาสัมมนาพระพุทธศาสนาภาคภาษาอังกฤษ เป็นต้น

 

“เมื่อคิดเป็นรายวิชาจะเรียนวิชาทางโลกเพียงแค่ 15 รายวิชา เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์พื้นฐาน เป็นต้น แต่ถ้าไม่จัดให้นิสิตเรียน ก็จะไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานหลักสูตร ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่ได้กำหนดให้ผู้เป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย จะต้องจัดหลักสูตรการเรียนให้นิสิต 5 ด้าน คือ
    1.ด้านคุณธรรม จริยธรรม
    2.ความรู้
    3.ทักษะทางปัญญา
    4.ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ และ
    5.ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
นอกจากนี้ นิสิตของปริญญาตรีของมจร.จะมีความพิเศษจากมหาวิทยาลัยทั่วไป ต้องออกไปเผยแผ่ศาสนกิจ จำนวน1ปี เช่น พระธรรมจาริก ไปเผยแผ่หลักธรรมบนที่สูง ตามตะเข็บชายแดน ในระหว่างเรียนต้องไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลา10วันทุกชั้นปี หากขาดฝึกทั้ง 2 ประการ จะถือว่า ไม่จบหลักสูตร” รศ.เวทย์ กล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/327510