« เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2015, 02:19:53 am »
0

วิปัตติสัมปทาสูตร
ว่าด้วยวิบัติ และสัมปทา
สัมปทา ๓ ประการนี้
สัมปทา ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. สีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล)
๒. จิตตสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยจิต)
๓. ทิฏฐิสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ)
<สีลสัมปทา> เป็นอย่างไร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกาม การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ และการพูดเพ้อเจ้อ นี้เรียกว่า สีลสัมปทา
<จิตตสัมปทา> เป็นอย่างไร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา ไม่มีจิตพยาบาท นี้เรียกว่า จิตตสัมปทา
<ทิฏฐิสัมปทา> เป็นอย่างไร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ(เห็นชอบ) มีความเห็นไม่วิปริตว่า “ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำไว้ดีและชั่วมี โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามีคุณ บิดามีคุณ โอปปาติกสัตว์มีสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบทำให้แจ้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งมีอยู่ในโลก” นี้เรียกว่า ทิฏฐิสัมปทา
เพราะสีลสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายหลังจากตายแล้วจึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
เพราะจิตตสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายหลังจากตายแล้วจึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
เพราะทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายหลังจากตายแล้วจึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ ประการนี้แลพระสุตตัตนตปิฎก
อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์] ๒. อาปายิกวรรค ๕. วิปัตติสัมปทาสูตร
ขอบคุณภาพประกอบจาก :http://my.uamulet.com/BlogDetail.aspx?ID=767404
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2015, 02:22:00 am โดย danai_siriangkawoot »

บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"