ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์ไลน์ “โทรมาดีกว่าไหม จะได้จบ”  (อ่าน 2534 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
มนุษย์ไลน์ “โทรมาดีกว่าไหม จะได้จบ”
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2015, 11:38:00 am »
0


มนุษย์ไลน์
โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

โลกออนไลน์ที่เข้ามามีอิทธิพลเหนือชีวิต แม้ช่วยให้เราใกล้กันมากขึ้น ประหนึ่งคุยผ่านกระจกได้ทุกวินาที แต่ความใกล้นี้ก็เหมือนยิ่งไกลกัน กลายเป็นว่า เรา “ไม่กล้า” ทำความรู้จักกันในโลกที่เป็นอยู่จริง เพราะมันชินกับการคุยด้วยวิธีแชตไลน์ไปแล้ว

ในวงสนทนา เวทีประชุม ในที่ทำงานเราก้มหน้านั่งแชตกันเป็นบ้าเป็นหลัง บางรายห่างกันแค่โต๊ะทำงาน ไลน์กันอยู่ได้เดินไปแป๊บเดียวน่าจะคุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องเสียเวลามานั่งตะบี้ตะบันกด

ประหลาดไปถึงขั้นถ้าต้องหารือเรื่องสำคัญที่ต้องชี้เป็นชี้ตาย เรากลับเลือกที่จะ “ทิ้งข้อความ” ในไลน์ มากกว่าจะต่อสายตรงคุยให้รู้แล้วรู้รอด


 :49: :49: :49: :49:

ในทางธุรกิจการตัดสินใจช้าไปนิดเดียวสร้างความเสียหายใหญ่หลวง ถ้ามัวมาเขียนไลน์ “คุณจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้” อีกฝ่ายก็ไม่ได้เปิดโทรศัพท์อ่านข้อความ กว่าจะหยิบดูก็ช้าไปแล้ว เกิดความเข้าใจผิดตำหนิกันตามมา

ระบบแชตสร้างรูปแบบให้เราไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายทั้งที่สนทนากันเป็นปีในโลกเสมือนจริง แต่พอในโลกแห่งความเป็นจริงกลายเป็นคนแปลกหน้าซะอย่างนั้น พอเห็นหน้ากันเป็นๆ พูดไม่ออก เดินหนีผ่านไปไม่ถึงนาทีกลับมาคุยไลน์เหมือนเดิมดีกว่า

หลายเรื่องไม่ยาก แต่เรากลับสร้างขั้นตอนให้ยุ่งยากลำบากขึ้น เราจึงได้ยินเสียงบ่นว่า “โทรมาดีกว่าไหม จะได้จบ”

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

การสนทนาในไลน์บอกเราด้วยว่า ที่ว่าคุยกันในห้องแล้วทุกอย่างเป็นความลับไม่จริงเสียแล้ว ประสบการณ์นี้ทุกคนน่าจะเจอกับตัว เมาท์มอยกันอยู่ดีๆ แต่กลับไปถึงหูผู้บริหาร หัวหน้า หรือฝ่ายที่ถูกเมาท์อย่างรวดเร็วทันใจ มารู้อีกทีพรรคพวกเล่น “แคปหน้าจอ” แล้วส่งต่อไปฟ้อง แถมยังเป็นหลักฐานชิ้นดี ยิ่งกว่าการบันทึกเสียง เพราะคำพูดจากข้อความตัวเป็นๆ นั่นแหละ

ไม่เพียงเท่านั้น ข้อความในไลน์ถ้ายังไม่ลบมันก็ย้อนไปดูได้ตลอดเวลา ใครจะแอบก๊อบปี้ข้อความตรงไหนไปก็ได้ พวกที่เป็นดารา นักการเมือง บุคคลสาธารณะเลยขยาดเพราะ อาจโดนแฉไม่รู้ตัวจากการแคปหน้าจอเหมือนที่ขึ้นหน้า 1 ไปแล้วหลายราย

 :96: :96: :96: :96: :96:

ความลับไม่มีในโลกก็คงจะจริง ในห้องสนทนาถ้าตั้งกลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 2 คนขึ้นไป ไม่มีทางจับมือใครดมได้ ถ้าใครคนหนึ่งเกิดหมั่นไส้ขึ้นมาเป็นอีกาคาบข่าวไปบอกคนนอกกลุ่มก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่าใครคือคนปล่อยข่าว หรือเป็นแกะดำในห้อง อย่างมากก็จะถูกค่อนแคะว่าพวกไม่มีมารยาท ไม่มีจรรยาบรรณ แล้วยังไงล่ะก็แค่นั้น

จะเอาอะไรมาก สังคมไทยขนาดคุยกันแค่สองคนยังแพร่ไปถึงหูอีกสิบคนเหมือนนั่งอยู่ในวงสนทนาด้วยแต่ระบบสื่อสารบนไลน์นี่สิไปไว กระจายเร็วและกว้างไกล มีอานุภาพยิ่งกว่าเชื้อไวรัส จากรับรู้กันแค่ 2 คน และก็ไปสู่ 100 สู่ 1,000 ไปหลัก 100,000 คน เพียงไม่กี่วินาที

ชั้นความลับในไลน์แต่ละคนยังแยกย่อยไปตั้งกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยซ้อนกันหลายห้อง โดยเฉพาะในห้องไลน์ที่มีผู้บังคับบัญชาอยู่ด้วย ที่ช่วงหลังแทบทุกองค์กร หัวหน้าใช้ไลน์สั่งงานลูกทีม เหล่าลูกน้องจะแอบไปตั้งไลน์กลุ่มออกไปต่างหากเพื่อเมาท์ระบบในองค์กร

 :32: :32: :32: :32:

ในห้องไลน์ผู้ปกครองโรงเรียนก็เช่นกัน จะมีการตั้งไลน์พิเศษอีกห้องเพื่อกันครู จะได้วิพากษ์โรงเรียนได้สะดวก แต่ระวังให้ดี มนุษย์ไลน์บางคนมีมากหลายสิบกรุ๊ป รวมแล้วมีสมาชิกนับพัน ถ้าเขียนผิดห้องขึ้นมาแทนที่จะวิจารณ์กันเอง กลับพลาดส่งข้อความไปที่ห้องเจ้านาย หัวหน้า กระทั่งคนในครอบครัวจนขำไม่ออก

ที่หวาดเสียวพอกันก็ตอนส่งภาพโป๊เปลือยให้เพื่อนฝูง ดันส่งผิดไปห้องไลน์ขององค์กร มีสมาชิกชายหญิงนับร้อย จบกันล่ะคราวนี้ อับอายจนไม่กล้าเอาหน้าสู้ฟ้า หลังพิงดิน เหมือนกรณีนักข่าวญี่ปุ่นส่งภาพท่อนล่างหลุดไปในห้องข่าวกระทรวงการต่างประเทศ มีสมาชิก 120 คน ทั้งที่ตั้งใจจะส่งให้แฟนสาวจนต้นสังกัดสั่งปลดออกจากตำแหน่งทันที


 ans1 ans1 ans1 ans1

ข้อมูลประเภทเสกสรรปั้นแต่งหลอกลวงน่ากลัวสุดๆ เอาภาพเหตุการณ์เก่ามาตัดแปะว่าเป็นของจริงน้ำท่วมใหญ่ที่นั่น เขื่อนแตกประเทศนี้ ทั้งที่เป็นภาพเก่าเกือบสิบปี หรือการอวดสรรพคุณเกินจริงเตือนภัยแบบมั่วๆ พวกหวังดีก็แชร์ต่อกันง่ายดายโดยไม่ตรวจสอบ จนผวากันทั้งเมืองกลายเป็นสังคมข่าวลือที่เต็มไปด้วยข้อมูลลวงปนเท็จเต็มไปหมด แยกไม่ออกเรื่องไหนส่งเพื่อแกล้ง หรือเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง

โลกเทคโนโลยีปัจจุบันเปลี่ยนแปลงสังคมไปมากในทุกๆ ด้าน จนคาดเดาไม่ถูกว่าอีก 5 ปีข้างหน้าหรือ 20 ปีจากนี้ มนุษย์เราเป็นอย่างไร แม้แต่เด็กในขณะนี้ไม่ใช่ยุคเจน Z แล้ว แต่เป็นเจนอัลฟาที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยี และพร้อม Add Friend คุยไลน์กับพ่อแม่ตั้งแต่ในท้อง



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.posttoday.com/social/think/380958
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ