พิมพ์

[raponsan]

ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kokheng&month=07-2015&date=28&group=11&gblog=2

วิจัยพบ "เดินจงกรม" ช่วยคนแก่ร่างกายแข็งแรง

มศว วิจัยพบ "เดินจงกรม" ช่วยเสริมสมรรถภาพทางกาย "ผู้สูงวัย"  ช่วยการทรงตัว กล้ามเนื้อแข็งแรง มีความอ่อนตัว และว่องไว หลังทดลองนาน 12 สัปดาห์
       
       นางนงนุช แย้มวงศ์ หัวหน้างานการพยาบาลด้านตรวจรักษาพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยงานวิจัย ในการประชุมวิชาการกิจกรรมทางกายระดับชาติ ครั้งที่ 1 เรื่อง ผลของการเดินจงกรมสมาธิต่อสมรรถภาพทางกาย ระดับความจำระยะสั้นและความฉลาดทางอารมณ์ผู้สูงอายุ ว่า การวิจัยดังกล่าว เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เป็นการศึกษาผลของการเดินจงกรมสมาธิต่อสมรรถภาพกาย ระดับความจำระยะสั้นและความฉลาดทางอารมณ์ของผู้สูงอายุที่ปฏิบัติธรรม ใน จ.นครนายก กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่ปฏิบัติธรรมด้วยการเดินจงกรมสมาธิและกลุ่มผู้สูงอายุที่ปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิ กลุ่มละ 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1 คอร์สการฝึกปฏิบัติธรรม ภาวนาแบบอานาปานสติ 2 แบบประเมินสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ  3 แบบคัดกรองสมองเสื่อมเบื้องต้น และ 4 แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ และนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติก่อนและหลังการทดลอง

       

       "ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่ปฏิบัติธรรมด้วยการเดินจงกรมสมาธิมีคะแนนเฉลี่ยสมรรถภาพทางกาย 7 ด้าน คือ การทรงตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน ความอดทนด้านแอโรบิก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา ความอ่อนตัวด้านล่าง ความอ่อนตัวด้านบน และความว่องไว หลังการทดลอง 12  สัปดาห์ พบว่าก่อนและหลังการทดลอง มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ พบว่าค่าเฉลี่ยสมรรถภาพทางกายกลุ่มผู้สูงอายุที่ปฏิบัติด้วยการเดินจงกรม สูงกว่ากลุ่มที่นั่งสมาธิในทุกด้าน และกลุ่มที่ปฏิบัติธรรมด้วยการเดินจงกลม ยังมีค่าคะแนนความจำมากกว่ากลุ่มที่นั่งสมาธิ ส่วนค่าเฉลี่ยความจำนั้น พบว่าก่อนทดลองมีคะแนนค่าเฉลี่ยของความจำแตกต่างกัน แต่เมื่อทดลองด้วยทั้ง 2 วิธีแล้ว คะแนะเฉลี่ยนั้นไม่มีความแตกต่างกัน" นางนงนุช กล่าว

       

       นางนงนุช กล่าวว่า การออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างสม่ำเสมอ และมีการปฏิบัติภาวนาสมาธิ ควบคู่กันสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกาย ทั้งระดับความจำ และความฉลาดทางอารมณ์ จึงควรมีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีการปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการประชุมวิชาการกิจกรรมทางกายระดับชาติ ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “Active Living for all” หรือ กิจกรรมทางกายเพื่อทุกคน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000131306