
สารภาพเป็นคนขี่จยย.ให้พี่ชายเป็นคนลั่นไก ทำสลดกราบขอขมาบอกไม่ตั้งใจ ปปส.ตามยึดทรัพย์ทันควัน 35 ล้าน ตร.ใส่เสื้อเกราะพาทำแผน หวั่นถูกขบวนการค้ายาฆ่าปิดปาก
วันนี้ ( 15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา11.00 น.วันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา(สส) รรท.ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงใส่รถเก๋งโตโยต้า ยารีส ทะเบียนป้ายแดง ก 3271 ปทุมธานี เป็นเหตุให้ ด.ช.โภคิน ดีผิว หรือน้องโตมี่ อายุ 12 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.อ.อัศวิน แถลงว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภาค 1 ตำรวจสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้จับกุมนายนพพล หรือจิ๊ป ประสงค์ศิล อายุ 23 ปี ได้ภายในอาคารเช่า มานิจ โซน 4 ห้อง 505 ชั้น 5 หมู่บ้านสินทิวาธานี ถนนโรจนะ หมู่ 2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากได้หลบหนีการจับกุมจากสไมล์แมนชั่น ริมถนนโรจนะ หมู่ 4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา วันเดียวกับที่นายชาญชัย หรือโจ๊ก ประสงค์ศิล พี่ชาย ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ไปกบดาน ที่ จ.ระยอง แล้วย้อนกลับมา ถิ่นเก่าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งถูกจับกุม
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ช่วงจังหวะการจับกุมซึ่งนำโดย พล.ต.ต.อนุรักษ์ พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้นำกำลังชุดจู่โจม 5 นาย พร้อมโล่กันกระสุน บุกขึ้นไปที่ห้องชั้นที่ 5 ที่นายจิ๊ปหลบซ่อนตัวอยู่ พบนายจิ๊ปกำลังนอนหลับมีผ้าห่มคลุมตัว ได้ตะโกนเรียกจิ๊ปใช่ไหม นายจิ๊ปตอบว่าครับ จึงตรงเข้าชาร์จพบอาวุธปืนขนาด .38 กระสุน 12 นัด วางอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งนายจิ๊ปไม่ได้ต่อสู้จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะทำการสืบสวนขยายผลไปเรื่อยๆ เพราะขบวนการค้ายาเสพติด เป็นขบวนการที่มีเครือข่ายโยงใย ถึงเวลาต้องปัดกวาดบ้านเมืองให้จบสักที โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองมรดกโลกที่คนเดินทางมาเที่ยวและไหว้พระเป็นจำนวนมาก ต่อไปนี้จะมีแต่ความปลอดภัย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า นายจิ๊ปได้เคยก่อคดีในลักษณะเดียวกันนี้ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 คดี โดยเมื่อเดือน ส.ค.2553 ร่วมกับนายโจ๊กยิงรถจักรยานยนต์บนถนนสายเอเชียขาเข้า จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณตรงข้ามกับร้านสองไม้ ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา เดือน ก.ย.2553 ร่วมกับนายโจ๊กยิงรถเก๋งสีบรอน์ หน้าบริษัทมินิแบ จำกัด ถนนพหลโยธิน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ร่วมกับนายโจ๊ก พี่ชาย ยิงรถเก๋งยาริสที่น้องโตมี่นั่งมาด้วย ที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังมีหมายจับ 3 หมาย ในข้อหาร่วมกันพยามฆ่าเจ้าพนักงาน และผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน หมายจับที่ 333/53 ลงวันที่ 10 เม.ย.53 ของศาลจังหวัดธัญบุรี คดีหลบหนีประกันชั้นศาล หมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายจับที่ 739/53 ลงวันที่ 11 ธ.ค.2553 ข้อหาร่วมกันยิงปืน โดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายจับเลขที่ 744/53 ลงวันที่ 13 ธ.ค.53 ข้อหาร่วมกันครอบครองยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนนายนพพล หรือจิ๊ป ไผ่เขียว ได้กล่าวรับสารภาพต่อหน้า พล.ต.อ.อัศวิน และกองทัพสื่อมวลชนที่มาร่วมแถลงข่าวเกือบ 100 คนว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมนายโจ๊ก พี่ชาย ได้ขับขี่จยย.ฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์โฟร์ สีดำ ออกจากบ้านเลขที่ 94/45 หมู่ 4 ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน เพื่อไปเก็บเงินค่ายาบ้าจำนวน 2 แสนบาทจากนายออย บริเวณริมถนนสายเอเชีย ขาเข้ากทม. เสร็จแล้วได้ขับขี่รถมุ่งหน้าเพื่อกลับบ้านพักด้วยความเร็วสูง ประมาณ 140 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อมาถึงจุดกลับรถหน้าด่านชั่งน้ำหนักบางปะอิน ตนได้เปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อเข้าช่องกลับรถ
แต่ขณะนั้นรถเก๋งยาริส ป้ายแดง ของน้องโตมี่ ซึ่งขับขวางอยู่ในช่องขวาสุดด้วยความเร็วสูงเช่นกัน ไม่ยอมให้เลี้ยวขวา นายโจ๊กไม่พอใจจึงบอกให้ตนขี่รถตามไป เมื่อไปถึงบริเวณตรงข้ามห้างเทสโก้โลตัส สาขาบางปะอิน ตนได้ขี่แซงรถเก๋งยารีสทางด้านซ้าย แล้วพี่ชายได้บอกให้ตนชะลอความเร็ว พร้อมกับนายโจ๊กได้ใช้อาวุธปืนกล็อกขนาด 9 มม.ที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ยิงเข้าใส่รถเก๋งจำนวน 3 นัด และได้ขี่รถไล่ติดตามยิงใส่รถเก๋งคันดังกล่าวอีก 10 นัด โดยที่ไม่ได้หวังชิงทรัพย์แต่อย่างใด ก่อนจะพากันขี่รถหลบหนีไปที่บ้านเลขที่ 94/45 เพื่อเปลี่ยนเอารถจยย.ฮอนด้าเวฟ ขับกลับเข้าพักที่สไมล์แมนชั่น
ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมมอบตัวที่ จ.ระยองตามที่ทางญาติมีการติดต่อผ่านสื่อมวลชน เพราะช่วงก่อนเวลานัดหมายตนไม่สามารถติดต่อญาติได้ เกรงจะถูกตำรวจจับ จึงได้ขึ้นรถตู้โดยสารจาก จ.ระยอง กลับมาที่กรุงเทพ และนั่งแท็กซี่มาที่ฟิวเจอร์พาร์ค จ.ปทุมธานี โดยโทรศัพท์ให้เพื่อนมารับกลับมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาเอาเงินหลบหนีต่อไป เพราะเงินเหลือน้อยเพียง 30,000 บาท แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายจิ๊ปว่า อยากกล่าวอะไรถึงครอบครัวน้องโตมี่ นายจิ๊ป กล่าวว่า "รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากขอโทษครอบครัวของน้องโตมี่ ผมไม่เคยมีเรื่องกับครอบครัวน้องโตมี่ ขออโหสิกรรมให้กับผมด้วย ผมยอมรับผิด และยอมรับว่าเป็นผู้ค้ายาบ้าได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ต้องมาค้ายาบ้า เนื่องจากหลังถูกจับกุมไม่มีเงินจ้างทนาย จึงเริ่มหันมาค้ายาบ้าตามพี่ชาย”
ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายนายจิ๊ปไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนสายเอเชีย พล.ต.ต.อนุรักษ์ ได้เรียกพนักงานสอบสวนที่มีความชำนาญมาร่วมทำแผนและสอบสวน และนำกำลังตำรวจชุดจู่โจมกว่า 100 นาย คอยคุ้มกันและควบคุมตัวผู้ต้องหา มีการสวมเสื้อเกราะให้กับนายจิ๊ป เพื่อป้องกันการฆ่าตัดตอนของกลุ่มค้ายาบ้า ทั้งนี้ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด เนื่องจากรถวิ่งได้เพียงช่องทางเดียว
โดยการทำแผนฯเริ่มจากจุดที่ 1 บริเวณริมถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพ ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน เป็นจุดที่นายจิ๊ปขับขี่รถจยย.มีนายโจ๊กซ้อนท้าย ไปรับเงินค่ายาบ้าจากนายออย จุดที่ 2 ก่อนถึงด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมบางปะอิน เป็นจุดที่ผู้ต้องหาเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา เพื่อจะกลับรถบริเวณห้าด่านชั่งน้ำหนัก จุดที่ 3 บริเวณหน้าด่านชั่งน้ำหนัก เป็นจุดที่ผู้ต้องหาจะเลี้ยวกลับรถ แต่รถเก๋งน้องโตมี่ไม่ยอมเปิดทางให้เข้า
จุดที่4 บริเวณตรงข้ามห้างเทสโก้โลตัส สาขาบางปะอิน นายจิ๊ปได้ขี่แซงรถเก๋งยาริสขึ้นไปแล้วชะลอรถ จากนั้นนายโจ๊กได้ยิงใส่รถเก๋งไป 3 นัด แล้วมีการยิงไปเรื่อยจนถึงจุดที่ 5 เยื้องกับห้างเทสโก้โลตัส เป็นจุดยิงสุดท้าย ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่น้องโตมี่ถูกยิงเข้าที่ศีรษะจนอาการสาหัสและเสียชีวิต ในเวลาต่อมา โดยระหว่างการทำแผนฯบริเวณจุดนี้นายจิ๊ปมีสีหน้าเร่งเครียดมากกว่าจุดอื่นๆ และได้ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจจุดธูปเทียนขอขมาต่อดวงวิญญาณน้องโตมี่ บริเวณท้ายรถเก๋งโตโยต้ายารีสคันเกิดเหตุ
จุดที่ 6 บริเวณเชิงสะพานต่างระดับบางปะอิน หลังก่อเหตุผู้ต้องหาขี่รถขึ้นสะพานต่างระดับ กลับรถวกมาตามถนนสายเอเชียขาขึ้นนครสวรรค์ จุดที่ 7 ที่บ้านพักผู้ต้องหาใน ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน ได้นำรถจยย.เข้าไปเก็บ แล้วเปลี่ยนใช้รถจยย.อีกคนไปจุดที่ 8 เป็นจุดสุดท้าย บริเวณสไมล์แมนชั่น ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้กลับเข้าไปพัก ที่ห้องพักเช่าไว้ 3 ห้องกับแฟนสาว ภายหลังเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจิ๊ปไปควบคุมตัวและสอบสวนต่อที่ สภ.อุทัย
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยด้วยว่า วันนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทุกสถานีของพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจค้นกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากการสืบสวนขยายผลหลังการจับกุมนายนพพล หรือจิ๊ป ไผ่เขียว โดยปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 3 อำเภอ จาก4 สถานีตำรวจ ได้แก่ สภ.พระนครศรีอยุธยา วังน้อย บางปะอิน และพระอินทร์ราชา รวม 13 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้เสพยาเสพติดได้ 4 คน ซึ่งจะทำการตรวจค้นและกดดันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้หมดไปให้ได้
ทางด้านนางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ป.ป.ส.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอายัดทรัพย์สินเครือข่ายของจิ๊ป ไผ่เขียว ตาม พ.ร.บ.ปราบปรามผู้กระทำผิดคดียาเสพติด พ.ศ.2534 เบื้องต้นได้ทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 35 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินสด จำนวนกว่า 8 ล้านบาท บัญชีทรัพย์สินในชื่อญาติและแฟนของจิ๊ป ไผ่เขียว รวม 16 บัญชี เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท บ้าน 4 หลัง รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน ทองรูปพรรณ 10 รายการ และอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง โดยทรัพย์สินที่เป็นบัญชีธนาคาร ป.ป.ส.ได้ห้ามเบิกถอนหรือเคลื่อนไหวทางบัญชี และได้สั่งการเจ้าหน้าที่ขยายผลติดตามอายัดทรัพย์สินอื่นต่อไป
“จิ๊ปและโจ๊ก ไผ่เขียว มีรายชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์บัญชีนักค้ายาเสพติดของ ป.ป.ส.ภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขต จ.พระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 1 อยู่ระหว่างติดตามจับกุมอยู่แล้ว สำหรับขั้นตอนภายหลังอายัดทรัพย์สิน ป.ป.ส.จะเปิดโอกาสให้ญาติและแฟนสาวของจิ๊ปและโจ๊ก ไผ่เขียว มาชี้แจงพิสูจน์ทรัพย์ว่ามีที่มาอย่างไร เพราะขณะนี้ทรัพย์ที่อายัดไว้เป็นทรัพย์ที่ต้องสงสัยว่ามาจากการค้ายาเสพติด เพราะทั้งจิ๊ปและโจ๊กเป็นบุคคลไม่มีอาชีพที่แน่นอน แต่กลับมามีทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งนี้ หากไม่สามารถชี้แจงพิสูจน์ทรัพย์ได้ ก็จะต้องถูกยึดตามกฎหมายคดียาเสพติด” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
ส่วนนายชาญชัย พงษ์ภัสสร โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กล่าวถึงการดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดของนายชาญชัยและนาย นพพลว่า ในส่วนของป.ป.ง.ได้หารือกับ ป.ป.ส.ภาค 1 แล้ว ได้ข้อยุติว่าคดีดังกล่าวจะมอบให้ ป.ป.ส.เป็นผู้ดำเนินการไปก่อน เพราะเป็นคดีอาญา อีกทั้งยังตรวจสอบพบยาบ้าอีกจำนวน 32,000 เม็ด เข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ปราบปรามยาเสพติด 2534 ซึ่งมีผลทำให้ป.ป.ส.สามารถยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราม ปราบยาเสพติดของป.ป.ส.ได้ เพราะว่าผู้ต้องหาครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อจำหน่าย อย่างไรก็ตามในส่วนที่ ป.ป.ส.เข้าไปไม่ถึงทรัพย์ ป.ป.ง.จึงจะเป็นผู้รับดำเนินการต่อ แต่ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในอำนาจของตำรวจและ ป.ป.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.อนุรักษ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จักราวุธ คล้ายนิล รอง ผกก.(ป.) สภ.อุทัย ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลภายในห้องควบคุมตัวของนายจิ๊ป และประกบตัวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชม. เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะเกิดความเครียดจนคิดสั้น
มีรายงานข่าวว่า ภายหลังการจับกุมนายนพพล หรือจิ๊บ ไผ่เขียวได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ได้สืบสวนสอบสวนขยายผล จนล่าสุดได้จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาย 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 3 กก. และรถยนต์ 3 คัน ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกับจิ๊บ ไผ่เขียว ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากจิ๊บ ไผ่เขียว ได้เคยไปขอหลบภัยกับญาติคนหนึ่งใน ต.บ้านนา อ.แกลง ขณะหนีการตามล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่บ้านนาจนสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหาดังกล่าว และจะได้เค้นขยายผลต่อไปว่ามีส่วนพัวพันกับการกระทำผิดของสองพี่น้องไผ่ เขียวหรือไม่
ส่วนบรรยากาศที่วัดหนองม่วง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพน้องโตมี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีนายสุพัดและนางสำรวย ดีผิว พ่อและแม่น้องโตมี่ รวมทั้งญาติพี่น้องและชาวบ้านจำนวนมาก พากันมารวมตัวกันที่วัด หลังจากทราบข่าวว่า ในเวลา 14.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ทางตำรวจจะนำตัวจิ๊บ ไผ่เขียว มากราบขอขมาศพน้องโตมี่ พร้อมกับมีการจัดกำลังตำรวจจากภาค 1 และ สภ.หนองม่วง มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในวัดอย่างแน่นหนา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดหมายได้มีคำสั่งยกเลิกอย่างกะทันหัน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เพราะญาติพี่น้องและชาวบ้านยังมีความโกรธแค้นผู้ต้องหาอย่างมาก แม้ว่าทางพ่อแม่น้องโตมี่จะยอมอโหสิกรรมให้กับคนร้ายแล้วก็ตาม
ที่มาของข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=109922