พิมพ์

[ธัมมะวังโส]

ภาระกิจก่อนปี 2559 ก็เดินเป็นหลัก เดินกันตั้งแต่ สระบุรี ยันถึงวัด พลับ ธนบุรี
อันที่จริงก็ผ่านวัด นั่งเล่นพักผ่อน ก็หลายวัดนะ ตั้งแต่ อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ธนบุรี
เดินบ้าง นั่งรถบ้าง ตามสถานการณ์ ก็ไม่ได้เดินทั้งหมด ใช้เวลา 3 วันจึงไปถึงวัดพลับเสียดาย
ช่วงที่เดินตอนต้น แบตเตอรี เสียไม่ได้เป็นอย่างทีคิด จะซื้อก็พกสตางค์ปัจจัยไปเพียง แค่พอนั่งรถเมลเท่านั้น
ทำให้สูญเสียภาพถ่ายไปจำนวนมาก แต่ก็ดีคิดว่าเดินรอบหน้า จะเก็บภาพใหม่ก็แล้วกัน
( ถ้ายังมีโอกาสเดิน อยู่นะ )
สรุปเส้นทาง ดังนี้

   สระบุรี ไป รถไฟ ลงอยุธยา เดินเล่นรอบกรุง เดินชมวัดรอบทิศ
  เดินขาลากเลยวันนี้ ไปพักบ้านเพื่อน สมัยเรียนด้วยกัน ที่บางไทร อยู่ในสวนฝ่งตรงข้ามศูนย์ศิลปาชีพ
เมื่อก่อนพายเรือ ไปขึ้นเที่ยวศูนย์ประจำ

วัดท่าซุงทักษิณรามบางไทร   


ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับวัดท่าซุง อุทัยธานี หรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือวัด มีค้างคาวยักษ์ อาศัยอยู่ แต่ด้วยความเป็นชาวสระบุรี จึงไม่ตืนเต้น ที่ทราบ เพราะว่า ที่สระบุรี เราสามารถไปชมค้างคาวยักษ์อย่างนี้ได้สองวัด คือ วัดหนองสีดา เส้นทางป๊อกแป๊ก หนองแซง นั่งรถไฟไปลงก็ได้

  อีกวัด ก็ที่หนองแค เลย เข้าไปในวัดฝั่งตลาด

เดินไปจนถึงวัดป่าคา วัดบ้านกร่าง วัดโบสถ์

 

  วัดนี้เคยพาคณะแวะอยู่ ครั้งหนึ่ง อยู่ติดถนนวงแหวน ข้างแม่น้ำเจ้าพระยา

 วัดเจดีย์ทอง สามโคก





จากนั้นก็นั่งรถที่ผ่านมา ไปลง วัดชลประทาน

 ก็ขอตัดตอนสำคัญ ไว้แต่เพียงเท่านี้

[ธัมมะวังโส]

เช้านี้หลังจากฉันเสร็จแล้ว ก็คิดว่าจะเดินไปเล่นที่พรานนก เสียหน่อย  บรรยากาศช่วงสิ้นปี ร้านรวง ส่วนใหญ่ จะปิดกันหมดเงียบสงบ นี่ภาพตอน 09.00 น.ไปแล้วนะ เดินออกมาก็ ถ่ายภาพป้ายโฆษณาของ การสร้างทางรถไฟใต้ดินหน้าวัดราชสิทธาราม สักภาพระบุ ปีที่เสร็จคือปี 2562


บรรยากาศสงบ ๆ เดินขึ้นไปบนสะพานลอย โพธิ็สามต้น แล้วถายภาพ เงียบดีนะวันนี้


สะพานลอยตรงสามแยก เป็นรูปฉาก คือ ตัดถนนสองเส้น จากภาพถ่ายนี้ มองไปเส้นพรานนก กับ ถนนอิสรภาพ


พอมายืนอยู่สะพานลอย เส้นโพธิ์สามต้น วัดอรุณ มองย้อนกลับมานี่คือป้ายที่ปกติเรานั่งรถมากันประจำก็จะเห็นป้ายนี้ก่อนเลี้ยวซ้ายไปวัดราชสิทธาราม


มองจากสะพานลอยย้อนกลับไปเส้นทางวัดอรุณ จะเห็นว่าวันนี้รถไม่ใคร่มี


มองไปที่มุมเสาไฟฟ้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นสภาพแบบนี้ ไม่ต่างอะไร จากเมืองสระบุรี เท่าไหร่ ส่วนมากสายที่เป็น ก็จะเป็น สายไฟเบอร์ออพติกคือสายสัญญาณ อินเตอร์เน็ต


ลงจากสะพานมาก็เจอป้ายรถเมล วิ่งเส้นทางสายถนนอิสสรภาพ


ีนี่เป็นวัดแรก ที่จะเข้าไปเยี่ยมในวันนี้ วัดใหม่พิเรนทณ์


มองเห็นแต่ไกล ป้ายสำนักปฏิบัติธรรม ที่หน้ากตึก แต่ตึกเงียบ ดั่งตึกร้าง เดินรอบตึกแน่ใจว่า มีแต่เพียงป้ายเพราะไม่มีทางเข้าตึกเลยล็อกกุญแจหมด


อุโบสถและลานของวัดไม่ได้มีมากอย่างวัดราชสิทธาราม มองนิดเดียวก็หมดแล้ว

[ธัมมะวังโส]

เดินชมตามกุฏิ ต่าง ๆ สนทนาธรรม กับพระคุณเจ้าในวัดนิดหน่อย พอได้ทักทายกัน


เดินไปเดนมาก็เหมือนว่าเข้าไปในเขตบ้าน ซะแล้ว รู้สึกว่า กำแพงวัดจะไม่มี นะส่วนนี้ หรือมี


เดินมาอีกนิด ก็ชัดเจนไปเข้าเขตบ้านโยมไปแล้ว ตรงนี้คุณยายท่านนี้ทักว่า ท่านมาจากไหน ก็บอกว่าเดินเล่นคุณยายก็บอกว่า ตรงนี้ติดโคมประดับ ฉลองปีใหม่เพราะเป็นเขตทำการชุมชนพื้นที่ฉลองเห็นติดไฟด้วย


เดินลัดเลาะเลียบคลองมอญออกมาหาถนนอิสรภาพ พรานนกเช่นเดิม แต่ต้องข้ามสะพาน อ้อมไปอ้อมมา ในตรอกซอกซอย บ้านกลางจะลำบาก นะเวลาซื้อข้าวของเครื่องใช้ รถเข้าไม่ถึง ต้องจ้างคนยกกันไกล เห็นแล้วหลายบ้านมาก แค่ ซื้อตู้ ขายเดียงเดินขนกันออกจากซอย นี่ก็เรื่องยุ่งพอสมควรแล้ว ดูไปก็คล้าย ๆ รอบวัดราสิทธาราม เหมือนกันเพราะว่า ถนนที่เข้าตรอก นี่ยังใช้รถเข็นของได้ มอร์เตอร์ไซค์ได้


คุณยายท่านนี้เดินสวนมา ไม่รู้ว่าจะเดินตรงไป หรือลงบันไดแต่ เหมือนจะหลบลงบันได้ไป เลยหันหลังไปถ่ายไว้สักภาพ นะว่าถึงชาวกรุง ไม่เหมือนชาวอิสาณแต่ เดินตามตรอกซอกซอย แล้ว ญาติโยมส่วนใหญ่ ก็มีความเคารพพระดี รถก็หยุดเวลาผ่าน คนก็หลบเวลาสวน ไม่เหมือนเขตฝั่งพระนคร ช่างหัวมึงเถอะ สวนกูก็จะชน โล้นต้องหยุดเท่านั้น อันนี้จริงนะ แต่ฝั่งธนบุรี ขนาดเขตมุสลิม เขายังเอื้อเฟื้อ เดินไปกลับพระกำลังตัดเหล็กอยู่ เขาก็หยุดรอเราผ่านไปจนเสร็จถึงจะตัดเหล็กต่อ


คลองมอญ นั่นแหละเดินลัดเลาะจนมาขึ้นสะพาน ชาวบ้านมีทางเข้าเล็ก ๆ ไม่ใช่รถยนต์เข้าได้ถึง ดังนั้นชาวบ้านที่มีรถจึงจำเป็นต้องจอดรถไว้ที่อื่น ดังนั้นจึงชอบมาจอดรถกันในวัด ซึ่งต่อมาวัดก็เห็นว่าเกะกะมาก เริ่มเยอะก็เลยต้องเก็บค่าจอดรถเป็นรายเดือน อย่างวัดราชสิทธาราม ก็เริ่มทำอยู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่เข้า แต่ก็มีส่วนมากยังขัด ๆ อยู่เพราะไม่อยากจ่ายนั่นแหละ


สังเกตถนนและทางเดิน แยกจากกัน มีขอบกันรถชนด้วย บ้านเราสระบุรี ตรงที่เป็นคลอง น่าจะทำเหมือนกัน ทำรั้วเหล็กไว้บ้างก็ดี


พอเดินข้ามสะพานมาก ก็มองเห็นรถพยาบาล รพ. ธนบุรี มากมายเลยจอดตรงนี้ ก็ยังสงสัยว่า นี่วัดหรือ รพ.



หรือจะเป็น รพ.


แต่ก็เห็นเป็นป้ายวัด นี่ แต่เดินหาทางเข้าจากตรงนี้ไม่ได้ ปิดหมด

[ธัมมะวังโส]

มองเห็นเจดีย์ ทรงนี้ รู้สึกหลาย ๆ วัดแถบนี้ก็ทรง นี้แม่้แต่วัดราชสิทธาราม ด้านหลังโบสถ์ ก็ทรงนี้ เป็นทรงเจดีย์ ที่คล้าย ๆ กัน


และเจดีย์แบบนี้ถ้าสร้างใหญ่ ๆ แล้ว ก็จะเห็นตั้งคู่กัน ด้านหน้าอุโบสถ อย่างนี้ด้วย


มองแล้วเป็นมุมที่ระลึกถึงความศรัทธา ของคนในสมัยก่อน เมื่อสร้างอุโบสถ ก็สร้างเจดีย์คู่ หน้าอุโบสถอย่างนี้


เดินเข้าไปตรงนี้ ก็ดูแล้วเป็นตึกของวัด แต่ ยามไม่ให้เข้าไป และไม่มีเส้นทางเดินไปเข้าเขตวัด ด้านนี้


จึงต้องเดินออกมาที่ถนนหลักอีกครั้ง เห็นป้ายเชิญร่วมสวดมนต์ข้ามคืนในวันสิ้นปี ของวัดชิโนรสาราม


เดินถัดมาอีก 200 เมตร ก็มีซุ้มประตูวัดอีกแห่ง แต่สังเกตให้ดีว่า ซุ้มนี้มีชื่อวัดสองวัดนะ คือ วัดชิโนรสาราม และ วัดครุฑ เชือ่เหอะครั้งแรก ที่นั่งรถผ่าน เข้าใจว่า วัดชิโนรสารามก็คือ วัดครุฑ เหมือน วัดราชสิทธาราม ก็คือ วัดพลับ คนที่นั่งรถผ่านอย่างเราหลายรอบ ก็ยังเข้าใจอย่างนี้เลย แต่ที่ไหนได้ กลับเป็น สองวัดในป้ายเดียวกัน


ทางเข้าวัดเส้นนี้ผ้านด้านข้างโรงเรียน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่เก็บขยะกำลังเก็บขยะที่ โรงเรียนอยู่ เห็นอย่างนี้บอกว่า มีถึง 15 ถังเลยนะเขาจึงมีเรือน เก็บขยะชั่วคราวและเปิดประตูเมื่อเจ้าหน้าที่มาขนขยะ พูดง่าย มาครั้งเดียวก็เต็มรถ


มองย้อนกลับไปทางถนนอิสสรภาพ ก็ 100 กว่าเมตร ตรงนี้ส่วนหน้าแม้เป็นของวัด ก็ถูกทาง รพ. เช่าเป็นที่จอดรถ แม้ตึกที่เห็นเมื่อสักครู่ รพ.ได้มาเช่าไว้


สำหรับวัดชิโนรสารามหลังจากเลี้ยวซ้ายมาหนึ่งเลี้ยว ก็ตรงไปข้าหน้านั่นแหละ ตอนนี้กำลังบูรณะทำเมร อยู่ แต่ตรงนี้เห็นมีรถตลาดจอดอยู่ ไม่นึกว่าจะมาเจอที่ ฝั่งธนบุรี สระบุรี ก็เป็นที่นิยม แต่พื้นที่ บริการมีน้อยกว่า แต่สำหรับชาวกรุงแล้ว รถตลาดขายดี เนือ่งด้วย ชาวบ้านไปตลาดได้ยากกว่า



มาถึงหน้าอุโบสถ  ( ที่จริงคือด้านหลัง ) แต่ ทางวัดเรียกว่า ด้านหน้าเพราะตรงนี้ขณะนี้ถือว่าเป็นหน้าวัด

[PRAMOTE(aaaa)]

   สาธุ สาธุ ครับ

[ธัมมะวังโส]

ภาพยังไม่หมด แต่ ยังไม่มีเวลา นำมาโพสต์ นะ

   รออีกสักนิด เพราะตอนนี้งานตอบจดหมาย ก็เยอะอยู่ โดยเฉพาะคนที่มีทุกข์ อาจารย์ก็ใส่ใจทุกท่านแหละ ไม่ใช่เรื่องใครมาตอบ หรือ ตอบเฉพาะใครบางคน

   แต่ตอบลำดับจดหมาย

   

[PRAMOTE(aaaa)]

     สา..ธุ  สา..ธุ  ครับ ครูบาอาจารย์

[chokechai]

ว่าจะสวดมนต์ข้ามปีด้วยครับ