ข้อความนี้ ถ้าปรากฏ ในเว็บอื่น จะไม่โพสต์ตอบแต่เพราะว่า มาปรากฏในเว็บเรา จึงจำเป็นต้องแก้ ให้ถูกต้อง
ตัวฉันเอง แรกเริ่มปฏิบัติก็มุ่งไปในสายสวนโมกตั้งแต่ อายุ 15 ปี จนถึง 38 ปี ก็สาระวนอยู่ด้วย คำว่า ตถตา
หมดไป 23 ปี ฉันเองไม่ได้เข้าสู่ภูมิธรรม พระอริยะเลย มีแต่ใจรักสันโดษ มีลักษณะขวนขวายน้อย ไม่ประพฤติผิดศีล ถ้าตายขณะนั้นก็ยังต้องเกิดอีก นับว่าเสียเวลาไปมาก เลยเพราะไม่มีครูที่เข้าใจแท้จริงมาสอนในขณะนั้น เรื่อง สวรรค์ ก็ถือว่าอยู่ที่ใจ เรื่องนรก ก็เชื่อว่าอยู่ที่ใจ ที่เป็นภพฉันไม่เชื่อเลย ในสมัยนั้น ไสยศาสตร์เวทย์มนต์คนละทาง ดูดวงฤกษ์ น้ำมนต์ ไม่เอา มันดีตรงนี้ แต่เวลาใช้ชีวิตจริงในสังคม แล้ว ตถตา เป็นเพียงคำปลอบจำ เท่านั้นไม่ใช่มีแก่นสาร
ตถตา ไม่ใช่คุณสมบัติของปุถุชนเลย
หาก ปุถุชน นำไปใช้ จะเป็นการปฏิเสธ ธรรม ทั้งหมดเหมือนว่าทุกอย่างไม่มี ผล คือไม่พ้นทุกข์ ไม่สามารถไปสู่ ประตูอมตะได้
ตถตา ชั่งหัวมัน อุเบกขา สันโดษ ใช้ไม่ดี ก็ไม่มีธรรมก้าวหน้า
ฉันเคยเจอคนที่มีกิเลส พูดกับฉัน อย่างนี้มาแล้ว
ปฏิบัติไม่ได้ ก็ เช่นนั้นเอง ( แล้วทำอะไรต่อ )
อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไ ก็เช่นนั้นเอง
ฟังไป ก็เช่นนั้นเอง
ภาวนาไป ก็เช่นนั้นเอง
สุดท้ายมันนำไปสู่คำพูด และแนวคิด คือไม่เอาอะไร แม้กระทั่งการภาวนา เชื่อสิคนที่พูดกับฉันถึงฉันไม่เป็นพระอรหันต์ตอนนั้น ฉันก็รู้ว่าเขาาไม่ได้เป็นพระอรหันต์
ดถตา จนถึง ธัมมนิยามตา นั้น จะปรากฏขึ้นในคราเดินจิต ปฏิจจสมุปบาท รอบที่สอง ไม่ใช่คำพูดของปุุถุชน อันปุถุชน จะนำไปใช้ได้
อุปมา เหมือนคนที่ไปดูคนกำลังจะตาย แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ต้องตาย แล้วคนๆ นัั้น คน ๆ ก็พยายามพูดรหรือพยายามนึกว่า ตถตา เช่นนั่นเอง ความตายเป้นเช่นนั้นเอง เขาเรียกว่าอาการไม่ต่างอะไร จากหมอพยาบาล เห็นคนตายทุกวัน ผ่าตัดเห็นอวัยวะน่าเกลียดทุกวัน แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปสู่วิมุตติ ได้ ทำนองเดียวกับ สัปเหร่อ ชิน ผี นั่นแหละไม่ต่างกันเลย
หากพิจารณาให้ดี พระสูตรบทนี้ พระพุทธเจ้าตรัสแสดงแก่ พระอนาคามีบุคคล และ พระโสดาบัน เป็นส่วนใหญ่ ดังน้นหากผู้ปฏิบัติ ภูมิธรรม ไม่ถึงพระโสดาบันขึ้นไปแล้ว
พระธรรม บทนี้จะเป็นตัวขวางธรรม ไม่ให้เข้าไปสู่วิมุตติ เหมือนเด็ดผลมะม่วงขณะดิบ โอกาสจะสุก ด้วยการเพาะบ่มเป็นเรื่องยาก ส่วนมากจะเน่าเสียก่อน
ดังนั้น โปรดระวังกันด้วย เตือนได้เท่านี้ 