ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทวงคืนพุทธสิหิงค์ยังเป็นกระแสแม้ริบหรี่ อดีต กก.ติดตามเผย ผ่านมา 3 พ่อเมือง เหลว  (อ่าน 1069 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ทวงคืนพุทธสิหิงค์ ยังเป็นกระแสแม้ริบหรี่ อดีต กก.ติดตาม เผย ผ่านมา 3 พ่อเมือง เหลวหมด!

วันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงความคืบหน้ากรณีที่นักวิชาการ นักเขียน ออกมาให้ความเห็นว่า ทางจังหวัดตรัง สมควรที่จะติดตามนำพระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองตรังสูญหายไปเมื่อปี .พ.ศ. 2526  ล่าสุดชาวบ้านตำบลนาพละ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ ภายในวัดหัวถนน หมู่ 6 ต.นาพละ และได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะอยู่ภายในบ้านของอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กระทรวงมหาดไทย ที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนและแน่ชัด

เช้าวันเดียวกันที่บ้านของ นางเอิ้น คำวร อายุ 64 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 และนางแดง เหมนแก้ว อายุ 73 ปีพร้อมชาวบ้าน มานั่งพูดคุนเกี่ยวกับพระพุทธสิหิงค์ โดยนำพระพุทธสิหิงค์องค์จำลอง มากราบไห้ว และขอพรดลจิตดลใจให้ พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่สูญหายกลับคืนมา แม้ว่าจะเป็นความหวังริบหรี่ก็ตาม โดยนางแดง กล่าวว่า ยายเกิดที่ตำบลนาพละ รู้จักกับพระพุทธสิหิงค์ มาตั้งแต่เด็ก เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านให้ความรักศรัทธาอย่างมาก และรู้ว่าพระพุทธสิหิงค์หายไปจากวัด โดยคนร้ายงัดฝาเพดานวัด ที่ตั้งขององค์พระ แต่เมื่อดูๆกันแล้ว ไม่น่ะผ่านทางแผ่นกระดานได้ แต่เป็นการขโมยผ่านทางประตูมากกว่า ชาวบ้านในสมัยนั้นพูดกันแบบนี้


 :96: :96: :96: :96: :96:

ด้านนายสุวัฒน์ ทองหอม อาจารย์โรงเรียนสภาราชินี จ.ตรัง หนึ่งในอดีตคณะกรรมการติดตามพระพุทธสิหิงค์ สมัย นายสมพงษ์ อนุยุทธพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า  หลังจากที่พระพุทธสิหิงค์สูญหายไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2525 หรือ 2526 ทางจังหวัดได้มีการติดตามด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมานั้น ตนอยู่ในคณะกรรมการทั้งในสมัย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เมื่อประมาณปี พ.ศ.2540 จากนั้นมาในสมัย นายสมพงษ์ ในปี พ.ศ. 2552  โดยในสมัยผู้ว่าฯยงยุทธ มีการพูดคุยว่าจะติดตามเมื่อเข้าสู่เวทีเจรจา ปรากฏว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลย จึงยุติไปโดยปริยาย ต่อมาในสมัยนายสงวน จันทรอักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ก็มีการพูดคุยกันอีกครั้ง โดยที่ นายสงวน บอกว่า ทราบว่าพระพุทธสิหิงค์ อยู่ที่ไหน ตนจึงเข้าไปสอบถาม ขณะนั้นไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแต่อย่างใด ซึ่งนายสงวน บอกว่าอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่จากการไปตรวจสอบ พบว่า เป็นพระพุทธสิหิงค์จำลองสร้างไว้ในโบสถ์ เรื่องก็จบกันไป

นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ครั้งที่3 นายชาญยุทธ เกื้ออรุณ ประธานสภา อบจ.ตรัง ในสมัยนั้น ออกมาจุดประเด็นว่า รู้จักกับลูกของผู้ครอบครอง และมีการนำเสนอว่า จะไปเจรจาเพื่อขอพระพุทธสิหิงค์คืน ที่สุดทางจังหวัดก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตาม ตนเป็นกรรมการอยู่ด้วย  หลายฝ่ายมีการมาพูดคุยกัน พร้อมทั้งมีการนำเสนอกันในที่ประชุมแต่ปรากฏว่าไม่มีข้อมูลและหลักฐานอะไรเลย นายจีรวัฒน์ สิงห์ดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานกรรมการในขณะนั้น นำเสนอปิดประชุม เรื่องจึงจบไปเหมือนๆกับ 2 ครั้งที่ผ่านมา ทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามพระพุทธสิหิงค์ กลับคืนมาได้



นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า การดำเนินติดตามค้นหาพระพุทธสิหิงค์ในครั้งนี้ จึงต้องมีข้อมูลที่แน่ชัดและชัดเจน ในเมื่อยังไม่มีข้อมูล ต้องมาตั้งสติกันว่า พระพุทธสิหิงค์ เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาที่เข้ามาจากลังกาทวีป และมาสถิตที่จังหวัดตรัง ดังนันชาวบ้านวัดหัวถนน และชาวตรังต้องมานั่งพูดคุยกันว่า พระพุทธสิหิงค์ยังไม่หาย หากแต่ได้ ฝังลึกอยู่ในหัวใจของประชาชน และถ้าอยากจะสร้างองค์พระพุทธสิหิงค์จำลองให้ ประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วน ต้องเข้ามามีส่วนร่วม สร้างบนพื้นฐานของความคิดความเชื่อพระพุทธสิหิงค์ยังมีอยู่ ตนคิดเพียงแค่นี้ ถ้าวิ่งตามหา ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไปวิ่งตามหาได้ที่ไหน

“หากได้พระพุทธสิหิงค์มาจริง นอกจากจะเป็นศิริมงคลต่อประชาชนและจังหวัดแล้ว ประการสำคัญ จะนำไปสู่การถกกันในเรื่องทางประวัติศาสตร์  ระหว่างสุโขทัย เมืองตามพรลิงค์ เชียงใหม่  และเมืองอื่น ที่มีความเกี่ยวพันกับพุทธสิหิงค์ เพราะตำนานเกี่ยวพันกันหมด โดยตำนานการได้มาของ พระพุทธสิหิงค์ มาขึ้นที่นครศรีธรรมราช ก็ต้องผ่านเมืองตรัง ซึ่งตามตำนานบอกเล่าว่า  พระเจ้าโรจราช หรือพระร่วง  มาเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากเมืองลังกา ไป และนำไปประดิษฐานที่สุโขทัย ซึ่งอีกมุมหนึ่งในความคิดของตน พระองค์พระพุทธรูปจริงนั้น พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ไม่ได้ให้ไป  ส่วนองค์จริงนำมาซ่อนไว้ที่เมือตรัง จำลององค์อื่นให้ไป แต่เมื่อเราไม่มีหลักฐานองค์พระพุทธรูปองค์จริงนี้จึงไม่มีน้ำหนักในการนำเสนอ” นายสุวัฒน์ กล่าว


 :25: :25: :25: :25:

ขณะที่ พระครูโอภาสธรรมวิมล หรือ หลวงนวล เจ้าอาวาสวัดแจ้ง อ.เมือง จ.ตรัง  เปิดเผยว่า อาตมาติดตามการสูญหายของ องค์พระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองตรัง มาโดยตลอด ในอดีตเคยเดินทางไปติดตามที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีข่าวว่าพระพุทธสิหิงค์ถูกขโมยไปที่นั้น หรือแม้กระทั้งที่บ้านของ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กระทรวงมหาดไทย แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด ทำให้รู้สึกเหนื่อย และเชื่อว่าโอกาสที่จะให้องค์พระกลับคืนมานั้นริบหรี่เช่นกัน

ส่วนอาจารย์สุพรรณ วังกุลางกูร นายกพุทธสมาคมจังหวัดตรัง  และรองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดตรัง กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวตรังกับพระพุทธสิหิงค์รู้จักกันดี ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นองค์พระที่มาจากลังกา  ตอนนี้ที่มีชื่อเสียงเป็นพระพุทธสิหิงค์ จ.นครศรีธรรมราช  ประดิษฐานอยู่ในหอพระพุทธสิหิงค์ ที่ กรุงเทพมหานคร และจ.เชียงใหม่  ซึ่งมีขนาดไล่เลี่ยกันเป็นพระประธาน ในส่วนของจังหวัดตรังนั้น มีขนาดเล็ก ไม่มีชื่อเสียงขนาดนัน ก่อนหน้านี้ประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระพุทธสิหิงค์ แต่ในสมัยพระยาตรัง ทองปานได้ย้ายมาประดิษฐานที่วัดหัวถนน เนื่องจากขณะนั้นชุมชนเบาบาง วัดร้างจึงนำมาประดิษฐานที่วัดหัวถนน ประกอบกับ บ้านพระยาตรังก็อยู่ในระแวกนั้น จนกระทั้งหายไป

 ans1 ans1 ans1 ans1

“และทำให้จังหวัดตรัง ไม่มีพระพุทธสิหิงค์ที่จะนำมาสรงน้ำ ทางจังหวัดจึงหล่อขึ้นใหม่ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาในการหล่อ จึงได้พระพุทธสิหิงค์ เป็นรูปจำลองขึ้นมา  หลังจากนั้นก็มีการหล่อขึ้นมาอีกหลายครั้ง เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวว่า พระพุทธสิหิงค์ สอง มีพระบูชาของรูปจำลอง ซึ่งชาวบ้านก็มีบูชาอยู่ทั่วไป ตนในส่วนของพุทธสมาคมจัหวัดตรัง ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้มีการติดตามพระพุทธสิหิงค์กลับคืนมา แต่ไม่ได้เจาะลึกในเรื่องนี้ แต่ทางพุทธสมาคมจังหวัดตรัง มีวัตถุประสงค์ในอันที่จะเชิดชู พระพุทธศาสนา และประการหลักธรรมโดยภาพรวมอยู่แล้ว” อาจารย์สุพรรณ กล่าว



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news/115516
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2016, 09:59:46 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ