ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรมศิลปากร เตรียมบูรณะ-ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน วัดเชิงแสใต้ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา  (อ่าน 1149 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




กรมศิลปากร เตรียมบูรณะ-ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน วัดเชิงแสใต้ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

กรมศิลปากร เตรียมบูรณะโบราณสถานวัดเชิงแสใต้และขึ้นทะเบียนโบราณสถานอาคารเมฆประดิษฐ์ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ที่สำคัญในท้องถิ่น

อธิบดีกรมศิลปากร ตรวจงาน

นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดพัทลุงและสงขลาเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สั่งการไปยังสำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา เร่งดำเนินการบูรณะอุโบสถวัดเชิงแสใต้ หรือวัดหัวนอน วัดสำคัญของชุมชนคู่กันกับวัดเชิงแสเหนือและวัดเชิงแสกลาง ซึ่งปรากฏหลักฐานการมีอยู่ของวัดแห่งนี้ในแผนที่เมืองนครศรีธรรมราช จ.ศ.๙๗๗ (พ.ศ. 2158) แสดงภาพวัดที่ได้รับพระราชทานกัลปนาในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระในชื่อวัดเชิงแสหัวนอน เนื่องจากพบว่าตัวอาคารอุโบสถมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ฝาผนังแตกร้าวแยกตัวออกจากเสา อีกทั้งผิวปูนฉาบทั้งภายนอกและภายในกะเทาะ หลังคารั่ว ไม้เครื่องบนเสื่อมสภาพ ฝ้าไม้เพดานชำรุดมีร่องรอยของปลวกและแมลงกัดกิน พื้นผิวกระเบื้องภายในอุโบสถบางส่วนแตกและทรุดตัว

อาคารเมฆประดิษฐ์

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้จะดำเนินการบูรณะและขึ้นทะเบียนโบราณสถานอาคารเมฆประดิษฐ์ ด้านทิศเหนือของวัดเชิงแสใต้ เป็นโบราณสถานของชาติ ซึ่งจากหลักฐานทางครุภัณฑ์โรงเรียนชุมชนวัดเชิงแส ระบุว่า อาคารนี้สร้างเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2482 นับถึงปัจจุบัน มีอายุถึง 77 ปี ถือเป็นอาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนชุมชนวัดเชิงแส และที่สำคัญอาคารแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ว่าการอำเภอกระแสสินธุ์ชั่วคราวมาก่อน ลักษณะอาคารเป็นไม้ก่ออิฐถือปูนสองชั้นแบบยกพื้น ออกมุขทั้งสองข้าง ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูนซีเมนต์ ใต้ถุนเปิดโล่ง ด้านหน้าบนมุขหลังคาทั้งสองด้านติดตัวครุฑ ใต้หลังคาทุกด้านจะมีช่องลม ทำด้วยแผ่นไม้ฉลุลายและไม้ระแนงซึ่งเป็นแบบที่พบแพร่หลายในหมู่อาคารร่วมสมัยเดียวกัน

“ปัจจุบันพบว่าส่วนประกอบของอาคารที่เป็นไม้ฉลุลายรวมถึงตัวอาคารได้รับความเสียหาย อย่างหนัก จากเหตุวาตภัย เมื่อปีพ.ศ. 2553 โดยคาดว่าในอนาคตเมื่อบูรณะเสร็จแล้ว โบราณสถานทั้ง 2 แห่งนี้ จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของอำเภอกระแสสินธุ์ และจังหวัดสงขลา ต่อไป” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
tbcnews.org/2016/05/06/กรมศิลปากร-เตรียมบูรณะ-ข/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

    ของเก่าแก่ดี..ต้องมีการ อนุรักษ์เป็นแหล่งเรียนรู้ นะครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา