ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ผู้ดีแปดสาแหรก” มีทีมาอย่างไร.?  (อ่าน 1236 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
“ผู้ดีแปดสาแหรก” มีทีมาอย่างไร.?
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2016, 08:55:45 pm »
0



สายตระกูล

หลังจากเข้าใจเรื่องของพงศาวลี (genealogy) และรู้จักการนับญาติ (descent) กันแล้ว คราวนี้ก็มาถึงการสืบเชื้อสายกันบ้าง ว่า ใครเป็นใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร อย่างคำกล่าวที่ว่า “ผู้ดีแปดสาแหรก”

หลังจากเข้าใจเรื่องของพงศาวลี (genealogy) และรู้จักการนับญาติ (descent) กันแล้ว คราวนี้ก็มาถึงการสืบเชื้อสายกันบ้าง ว่า ใครเป็นใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร อย่างคำกล่าวที่ว่า “ผู้ดีแปดสาแหรก” ซึ่งหมายถึง ผู้ดีที่สืบทอดกันลงมาตั้งแต่ต้นวงศ์สกุลคือบิดามารดาของปู่และย่า ๔ บิดามารดาของตาและยาย ๔ รวมเป็น ๘ หรือเรียกได้ว่า สืบสายตระกูลมาจากผู้ดีทั้งปู่ย่าตายาย การสืบเชื้อสายเช่นนี้ในทางมานุษยวิทยาเรียกว่า สายตระกูล

คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์มานุษยวิทยา สำนักงานราชบัณฑิตยสภา อธิบายว่า สายตระกูล (lineages) หมายถึง  กลุ่มคนที่สืบสายเลือดมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน โดยมากประกอบด้วยคนหลายรุ่น  และมีครอบครัวเดี่ยวหลายครอบครัว โดยทั่วไปคนในสายตระกูลเดียวกันสามารถระบุได้ว่าตนมีสายสัมพันธ์ทางพงศาวลี (genealogy) สถานใดกับคนอื่น ๆ ในสายตระกูลของตน


 :49: :49: :49: :49:

สายตระกูลหนึ่ง ๆ จะมีขอบเขตกว้างเพียงใดขึ้นอยู่กับระบบการนับญาติ กล่าวคือ ถ้าสืบโยงความสัมพันธ์ผ่านทางการนับญาติข้างพ่อ เรียกว่า สายตระกูลข้างพ่อ (patri  lineage) ถ้าสืบโยงความสัมพันธ์ผ่านทางสายเลือดข้างแม่เป็นหลักเรียกว่า สายตระกูลข้างแม่ (matrilineage) แต่ในบางสังคมสายตระกูลจะประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากสายเลือดทั้งข้างพ่อและข้างแม่ เพราะใช้วิธีการนับญาติสองข้าง (bilineal decent) ในกรณีเช่นนั้นสายตระกูลจะใหญ่และมีขอบเขตกว้าง สายตระกูลจะดำรงอยู่บนฐานของความสัมพันธ์กับบรรพบุรุษคนเดียวกันของสมาชิกทุกคนตราบใดที่ทุกคนในกลุ่มยังจำได้ว่าบรรพบุรุษที่พวกตนมีร่วมกันคือใคร และยังสามารถสืบพงศาวลีที่ตนมีต่อกันได้

สายตระกูลเป็นการจัดองค์การทางสังคมเหนือระดับครอบครัว และทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เพื่อสนับสนุนสมาชิกในกลุ่ม นักมานุษยวิทยาที่ศึกษาสังคมก่อนสมัยใหม่มักถือว่ากลุ่มทางสังคมประเภทนี้มีความสำคัญมาก และเรื่องนี้มักเป็นหัวข้อสำคัญเรื่องหนึ่งในรายงานการศึกษาเชิงชาติพันธุ์วรรณนา.


จินดารัตน์ โพธิ์นอก


ขอบคุณบทความจาก : http://www.dailynews.co.th/article/500085
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ