ในภาพนี้เป็นเรื่อง ของ ตะกรุดโทน ( ภาพจาก ธวัชชัย และ ภาพ จาก อนุชิต )
อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยอยากเล่า เพราะส่วนตัวไม่ได้ส่งเสริมเรื่องเครื่องลางของขลังมากอ่นอยู่แล้ว แต่เนือ่งด้วยเป็นศิษย์สายนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสร้างจัดทำตามที่ครูอาจารย์ท่านสอนวิชาไว้ จัดว่าเป็นของแถม แต่เป็นเพราะเข้าใจดีว่า เป็นการแสดงความห่วงใยของครูอาจารรย์ให้ระลึกถึงคุณงามความดี ด้วยส่วนหนึ่ง ท่านจึงได้สอนให้ฉันรู้วิธีการสร้างตะกรุดพุทธบารมีด้วยการเจริญธาตุกรรมฐาน ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ และ ลงตรายันต์จักรพรรดิ์เพื่อจัดเป็นสร้างตะกรุดใหักับศิษย์ที่เป็นชั้นหัวกระทิ ทีเล็งเห็นว่าจะได้เป็นผู้สืบทอด ได้มีเครื่องป้องกัน เวลาใช้กายทิพย์ ( เรื่องนี้อันตราย ) เพราะถ้าถอดกายทิพย์ได้ในขณะที่ไม่มีครูอาจารย์อยู่ อย่างน้อยตะกรุดโทน จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ตะกรุดโทนเป็น ตะกรุดที่มีเพียงดอกเดียวในโลก เหตุเพราะว่า ตัวตะกรุดนี้ จัดสร้างตามวันเดือนปีเกิดของผู้เป็นเจ้าของ ด้วยซึ่งมีเพียงคนเดียว ในเวลาตกฟากนั้น และสามารถส่งต่อให้ทายาทได้ 3 รุ่นคือ ลูก หลาน เหลน หลังจากนั้นก็หมดอานุภาพ ไปตามลำดับชั้น
ตะกรุดโทน ประกอบด้วย แผ่นโลหะ สามชนิด คือ แผ่นเงิน แผ่นทอง และ แผ่นนาค การเขียนครูอาจารย์จะถามว่า ต้องการแผ่นไหนเป็นแผ่นนอก ลูกศิษย์เลือกแผ่นไหนก็ตามนั้น และการเลือกจะมีผลแตกต่างกันไป คือ ถ้าเลือกแผ่นทองแดง ก็เน้นคงกระพัน ถ้าเลือกแผ่นเงิน ก็เป็นแคล้าคลาด ถ้าเลือกแผ่นทองก็เมตตามหานิยม
การจารแผ่น ใช้ 3 ชนิด
แผ่นนอกจะเป็น ยันต์ ธาตุ 5 พระพุทธเจ้า ห้า พระองค์
แผ่นกลางจะเป้นยันต์ ปราสาท ( คาถาพญาไก่แก้ว )
แผ่นในสุดเป็น ยันต์ดวง ลงวันเดือนปีเกิด และคำอวยพร
ความสำคัญอยู่ที่การพันตะกรุด ยิ่งพันได้เล็กเรียวมากก็แสดงถึงความเป็นผู้มีสมาธิสูง การมัวนตะกรุดเจ้าของต้องม้วนเอง ให้เวลาหนึ่งธุป คือ จุดธูปแล้วก็ต้องม้วนไป ขณะม้วนก็ให้ภาวนาคาถาไปด้วย ม้วนได้เป็นที่พอใจก็มอบคืนให้อาจารย์ถักด้ายรัด และทำพิธีมอบตะกรุด ให้ ตะกรุด นี้มีครึ่งกำลังอยู่ด้วยดังนั้น ผู้ที่ได้ทำไปจากฉันมีไม่กี่คนเพราะฉันไม่ขยันทำให้ใครถ้าไม่ร้องขอมาจริง ๆ สำหรับผู้หญิงตะกรุดนี้ทำให้ไม่ได้ เพราะเป็นตะกรุดเพศชายเท่านั้น
