ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรมศิลป์ชี้ เสมาโบราณบ้านเล้า มีอายุราว 1,200 ปี ในยุคทวารวดี  (อ่าน 971 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29346
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


กรมศิลป์ชี้เสมาโบราณบ้านเล้ามีอายุราว 1,200 ปีในยุคทวารวดี
นอภ.ขออย่าลูบ-ทาแป้ง-ปิดทอง


วันที่ 13 มกราคม 2560 จากกรณีที่ชาวบ้านได้พบใบเสมาหินทรายที่บริเวณแปลงนาของนางทิพันธ์  วันชูพริ้ง  และได้เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่วัดชัยศรีบ้านเล้า  หมู่ที่ 6  บ้านเล้า  ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์  ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของชาวบ้าน ที่สลับเปลี่ยนมาเฝ้าดูป้องกันมิจฉาชีพเข้ามาขโมย และประชาชนที่ทราบข่าวได้เดินทางมากราบไหว้จำนวนมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. นายสัมฤทธิ์  กิตติโชค สุขสงค์  นายอำเภอกมลาไสย และนางสาวสุภาวดี  อินทรประเสริฐ  นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 10 จ.ร้อยเอ็ด  พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดชัยศรีบ้านเล้า เพื่อตรวจสอบใบเสมาหินทรายโบราณที่พบใหม่ 1 ชิ้น  และที่พบก่อนหน้านี้อีก 3 ชิ้น ก่อนลงพื้นที่สำรวจจุดขุดค้นพบที่แปลงนานางทิพันธ์  วันชูพริ้ง  และที่บริเวณดอนอารักษ์  หรือดอนปู่ตาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเล้า  โดยมีธวัธชัย ศรีขัดเค้า กำนันตำบลหลักเมือง นายวัฒนา นาสมหมาย  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านเล้า  และชาวบ้านจำนวนมากนำสำรวจ

นางสาวสุภาวดี กล่าวว่า  สำหรับใบเสมาหินทรายที่พบใหม่ล่าสุดมีภาพจำหลักน่าจะเป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ  รูปทรงขนาดใหญ่  ทำจากหินทรายสีแดงสมัยทวารวดี มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 12-16  หรือราว 1000-1200  ปี ใกล้เคียงกับที่พบในพื้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง และจากการลงพื้นที่สำรวจจุดค้นพบได้ทราบว่าก่อนหน้านี้บริเวณแปลงนาของนางทิพันธ์ฯ ได้พบมาก่อน 2 ชิ้น เป็นใบเสมาหินทรายเช่นเดียวกันแต่ไม่มีภาพจำหลัก ลักษณะที่พบใบเสมาวางราบกับพื้นและในบริเวณคาดว่าน่าจะมีในใต้ดินอยู่อีก นอกจากนี้ยังพบว่ามีใบเสมาขนาดใหญ่สูงเกือบ 2 เมตร อีก 1 ชิ้นโดยชาวบ้านระบุว่าพบในเขตดอนอารักษ์ หรือดอนปู่ตาของบ้านเล้า ห่างจากจุดที่พบใหม่ประมาณ  1 กม.เท่านั้น



“พื้นที่ที่พบใบเสมาโบราณสันนิษฐานว่าในอดีตเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกกำหนดเขตแดนด้วยหลักใบเสมาโบราณเป็นคติความเชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา  โดยที่พบในเขตบ้านเล้า  ต.หลักเมือง  อ.กมลาไสย จะมีทั้งไม่มีลวดลายและมีภาพจำหลัก ใบใหญ่ที่สุดทราบว่าพบตั้งแต่ปี 2537 ต่อมาก็พบเป็นเศษของใบเสมาหินทรายที่ไม่สมบูรณ์นัก กระทั่งในเดือน ต.ค. 2558  พบใบเสมาหินทราย 2  ชิ้น  และมาพบอีก 1 ชิ้น ในบริเวณเดียวกัน โดยชาวบ้านได้นำมาตั้งไว้หน้าศาลาการเปรียญวัด และสร้างศาลาหลังเล็กป้องกันแดดลมและฝน  ส่วนใบที่พบใหม่ตั้งอยู่กลางแจ้งที่จะต้องฝากให้ชาวบ้านช่วยดูแลรักษา

แต่ทั้งนี้ก็จะส่งข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น  ในขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ส่วนพิพิธภัณฑ์ ก็จะเข้ามาตรวจสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ  เป็นสมบัติของชาติและแผ่นดิน ซึ่งต่อจากนี้ก็จะฝากให้ชาวบ้านเล้าได้ช่วยกันดูแลรักษาต่อไป” นางสาวสุภาวดี กล่าว



ด้านนายสัมฤทธิ์  กล่าวว่า ตอนนี้มีประชาชนเดินทางมากราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย  โดยทางชาวบ้านได้จัดตั้งเต้นท์รองรับประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้ เป็นการอำนวยความสะดวก  และหลังจากการพูดคุยกับนักโบราณคดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปในเรื่องของการรักษาวัตถุโบราณ  ในอนาคตคงจะต้องสร้างอาคารครอบบริเวณลานพระประธานพระพุทธมิ่งมงคลมหาโชคชัย แบบถาวร และนำใบเสมาที่เก็บรักษาไว้ในวัดชัยศรีบ้านเล้าทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน  โดยหวังให้เป็นพื้นที่ศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์  รวมถึงให้ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ดูแลทรัพย์อันมีค่าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

ส่วนของประชาชนทั่วไปที่เดินทางมากราบไหว้บูชาใบเสมาโบราณ ต้องขอร้องงดการลูบ ทาแป้ง ปิดทองและการสรงน้ำเนื่องจากจะเป็นการทำลายวัตถุโบราณที่เป็นหินทรายที่กร่อนง่ายเสียหายได้



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news/426560
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2017, 01:23:20 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ