ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิบัติธรรมอย่างไร ให้หายป่วยกาย  (อ่าน 903 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปฏิบัติธรรมอย่างไร ให้หายป่วยกาย
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2018, 05:38:43 am »
0



ปฏิบัติธรรมอย่างไร.? ให้หายป่วยกาย

นี่เป็นหนึ่งในสองเรื่องที่มีคนถามบ.ก.มา เพราะเห็นว่ากระบวนการต่อสู้กับมะเร็ง มีเรื่องการนำวิธีการปฏิบัติธรรมมาใช้ด้วย เลยจะเล่าถึงวิถีการศึกษาและปฏิบัติธรรมแบบลุ่มๆ ดอนๆ…อึมมม…เรียกแบบนี้อาจไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า เราพยายามหาหนทางปฏิบัติธรรมแบบของตนเองดีกว่า

เริ่มจากตอนอายุ 25 ปี มีโอกาสปฏิบัติธรรมครั้งแรก ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการแนะนำของอาจารย์ที่สอนวรรณคดีอังกฤษ แม้จะยังไม่โตมากนัก และใช้เวลาปฏิบัติแค่ 4-5 วัน เราพบว่า การปฏิบัติธรรมช่วยล้างประสบการณ์ลบๆ ที่ติดอยู่ในจิตสำนึกออกได้หมด ระหว่างการลาขันธ์ออกจากการปฏิบัติครั้งนั้น อาจารย์แนะนำให้อธิษฐานสิ่งที่เป็นธรรมะ ท่านว่าจะเป็นจริง เราก็เอาเลย อธิษฐานตามความรู้สึกแรงกล้าที่ลุกโชนขณะนั้นเลย…ฉันไม่อยากเกิดอีกแล้ว กรรมใดที่ทำมาแต่ชาติปางไหน ให้กลับมาสนองฉันในชาตินี้ให้หมด แล้วดูสิว่า ฉันจะพ่ายแพ้ต่อกรรม??…บอกอาจารย์ให้รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองอธิษฐานไป อาจารย์ตกใจ กลัวว่า กรรมใดสักกรรมจะทำให้เราตายเร็ว

ก็นะ มันเป็นความตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ ชีวิตเลยต้องพบการพลัดพราก สูญเสีย และเปลี่ยนแปลงครั้งรุนแรงหลายๆครั้ง รวมถึงการเป็นมะเร็งต่อน้ำเหลืองนี่ด้วย…ถ้าเชื่อว่าชีวิตถูกกำหนดมาด้วยกรรมนะ อิอิ


@@@@@@

สำหรับเรา หลังจากวันนั้น พุทธธรรมและการปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจตนเอง เหมือนแสงตะวันที่อยู่เหนือน้ำในสระบัวรำไรๆ เราจึงไม่เลิกปฏิบัติ บางช่วงติดวัดพระธาตุศรีจอมทองมาก พอจิตตกก็ต้องรีบหาเวลาไปนุ่งขาวห่มขาว แล้วก็เกิดความรู้สึกว่าไม่ใช่ การเข้าถึงธรรมะที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เราต้องละวางได้มากขึ้นเรื่อยๆ การยึดติดใดก็ต้องลดมันลงให้ได้

จึงพยายามไม่ไปวัดนั้น แต่ก็ยังปฏิบัติสายสติปัฏฐาน 4 ที่กรุงเทพ บางช่วงก็ไปปฏิบัติมันทุกเสาร์อาทิตย์ เดินวนเวียนอยู่แถววัดนั่นแหละ เช้าไปนั่งสมาธิร่วมกับผู้ปฏิบัติ บ่ายเดินจงกรมและฟังเทศน์ เย็นปฏิบัติอีกรอบหนึ่ง แล้วจึงกลับบ้านนอน บางช่วงก็ฟังเทปธรรมะ ตั้งแต่ลืมตาตื่น จนถึงที่ทำงาน กลับบ้านไปก็อ่านแต่หนังสือธรรมะ โดยเฉพาะของท่านพุทธทาส และท่านปยุตโต

ช่วงหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น วูบมา ให้รู้สึก จนเกิดเป็นห่วงและกังวล หรือรู้สึกถึงอดีตชาติของบางคน รวมไปถึงรู้สึกได้ว่า เราเคยทำอะไรกับคนนี้ในชาติเก่าก่อน แล้วเขากำลังมาขอให้เราชดใช้…ช่วงเวลาแบบนี้ น้องทีมงานกอง บ.ก.บางคน จะชอบให้เราพูดอะไรสักอย่างออกมา เพราะนั่นจะเป็นเครื่องชี้อนาคตบางอย่างของนาง หรือสิ่งที่นางมีส่วนร่วม 555555 อันนี้ฮาจริง

@@@@@@

สุดท้าย เรากลัวตัวเราเอง กลัวจะไปใหญ่ไปโต ประกอบอาชีพหมอดูไม่ใช่ทางของเรา จึงเพลาการปฏิธรรมอย่างเข้มข้นลง ประกอบกับมาป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่ต้องกินอาหารชีวจิตเข้มข้น เลยเป็นจังหวะที่ทำให้ปรับการปฏิบัติธรรมสู่ชีวิตประจำวัน โดยอยู่กับลมหายใจ และฝีเท้าตลอดเวลาที่นึกได้ รู้สึกเหนื่อย…ก็ปล่อยไป รู้สึกทรมาน…ก็ปล่อยไป รู้สึกหงุดหงิด…ก็ปล่อย กลัว…ก็ปล่อย

และพลังสติอย่างละเอียดนี่เอง (เข้าใจเอาเอง) จึงทำให้แยกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวพันรันตูยุ่งเหยิงออกจากกันได้ และแก้ไขไปทีละเรื่อง เพื่อรักษาประโยชน์ของครอบครัว ทุกคนรอบตัว งานการ และผู้อ่านเอาไว้ได้

อย่างไรก็ดี การเหนียวแน่นกับพระพุทธเจ้า หนทางธรรมะและการปฏิบัติ ล้วนแต่เกิดจากการเตรียมตัวพร้อมสำหรับรับกรรม ที่ไม่รู้มาจากแต่ชาติปางไหนต่อปางไหน และต้องมารุมสนองเราในชาตินี้ จะกรรมเล็ก ใหญ่ ร้าย หรือดี…ก็ต้องพร้อมนะคะ


@@@@@@

สุดท้าย เราคิดว่า เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้น มีแต่ข้อดี ทำให้เราเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง และทุกข์น้อยลง นอกจากนี้ การอยู่กับลมหายใจเสมอ ก็ช่วยให้สมองอยู่ในคลื่นอัลฟ่า สุข สงบ สมดุล และถ้าค้นคว้าต่อเรื่องสมองก็จะพบว่า สมองแบบนี้แหละที่ทำให้เราสามารถพัฒนาตนเอง และที่สำคัญป้องกันอัลไซเมอร์ได้

เรา (และทุกคน) จึงสามารถทำให้ตัวเองเป็นบัวที่โผล่ขึ้นบานพ้นผิวน้ำได้ อิอิ
(และโปรดอย่าอินบ็อกซ์มาให้เราดูดวงให้นะคะ)



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://goodlifeupdate.com/healthy-body/health-education/52754.html#cxrecs_s
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ