ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานวัดในอยุธยา อันเกี่ยวเนื่องกับ 'พระเจ้าตากสิน'  (อ่าน 1484 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ตำนานวัดในอยุธยา อันเกี่ยวเนื่องกับ 'พระเจ้าตากสิน'


พาเที่ยวชมวัดในอยุธยา ที่เรามักเข้าใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเกี่ยวเนื่องด้วยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่น่าเที่ยวชมเช่นกัน

“อยุธยา” สำหรับใครหลายคน เป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวและหาอาหารอร่อยทานได้สะดวก มีทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโต โรตีสายไหมแป้งสด ก๋วยเตี๋ยวอยุธยาชามไม่โตแต่รสชาติ ก๋วยเตี๋ยวโตมาก วัดในอยุธยาทุกวัดบันทึกความจำที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ครั้งอยุธยายังรุ่งเรือง และในสงครามการเสียกรุงและเอกราชครั้งที่ 2เป็นบาดแผลลึกที่ยังปรากฎภาพให้เห็นมาจนทุกวันนี้

คนส่วนมากเคยไปเที่ยวชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดที่เกี่ยวเนื่องด้วย “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ล่าสุดโด่งดังกันมาก ได้แก่ “วัดไชยวัฒนาราม” แต่ยังมีวัดในอยุธยาที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และน่าไปเที่ยวชมด้วยเช่นกัน

เริ่มจาก วัดเชิงท่า วัดตีนท่า วัดติณ วัดคลัง หรือวัดโกษาวาสน์ วัดนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวาสุกรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ “พระเจ้าตากสิน” ได้บวชเรียนร่วมกับรัชกาลที่ 1 ปัจจุบันมีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงบัลลังค์ประดิษฐานอยู่ที่วัดด้วย



วัดแห่งนี้สร้างอยู่ใกล้ปากคลองท่อด้านเหนือตรงกับ “วัดพุทไธศวรรย์” ส่วนชื่อวัดติณที่มาเรียกในสมัย “พระเพทราชา” เรื่อยมาจนถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพราะเคยใช้วัดแห่งนี้เป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อข้ามไปส่งให้ช้างม้าในพระบรมมหาราชวัง

ส่วนชื่อ “โกษาวาส” ได้มาด้วยพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ภายหลังกลับจากการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสในสมัย “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” วัดเชิงท่าถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานสำคัญรูปแบบทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตกรรม เป็นงานศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย

“วัดเกาะแก้ว” เป็นวัดที่ตั้งค่าย 1 ใน 9 ค่ายของ “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” ปัจจุบันหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยังพอมีให้ชมเพียงพระเจดีย์ กับพระพุทธรูปเนื้อสำริดอายุ 300 กว่าปี ส่วนอุโบสถหลังเก่าจมหายไปกับน้ำ




“วัดโพธิ์สาวหาญ” ตั้งอยู่ที่อำเภออุทัย เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญกับการรักษาทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสิน วันที่ 4 มกราคมพ.ศ.2309 ขณะกำลังถอยทัพจากกรุงศรีอยุธยาจนมาถึงวัดโพธิ์หาญ หรือวัดโพธิ์สังหาร หรือวัดโพธิ์หาญ

เมื่อพม่ายกทัพมาทัน โดยไทยกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และสมเด็จพระเจ้าตากสินตกอยู่ในวงล้อมของพม่า พลันมีสตรี 2 นางถือดาบเข้ามาช่วยจนสมเด็จพระเจ้าตากสินสามารถตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่สตรีทั้ง 2 นางนั้นเสียชีวิต

ต่อมาภายหลังเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงกอบกู้เอกราชของไทยและขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงรำลึกถึงคุณความดีของสตรีทั้ง 2 จึงทรงโปรดทำนุบำรุงบ้านโพธิ์สังหารและวัดขึ้นมาใหม่ ทรงพระราชทานนามว่า โพสาวหาญ หมายถึง หมู่บ้านอันมีสตรีผู้กล้าหาญ


@@@@@

วัดแห่งนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เพราะการเดินทางอาจอยู่ไกลกว่าวัดอื่นๆ ในตัวเมืองอยุธยา แต่บ้านโพสาวหาญ บ้านพรานนกนี้ มีความสำคัญมาก นอกจากเป็นพื้นที่ีจุดปะทะไทย-พม่า แล้วยังเป็นจุดกำเนิดของ “วันทหารม้า” ด้วย

โดยนับจากวีรกรรม ครั้งวันที่ 4 มกราคมพ.ศ.2309 “วัดพรานนก” เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าตากสินตามอาชีพของพรานต่อนก ที่บอกทางไปยังเมืองจันทบุรีเพื่อรวมไพร่พลกลับมากู้ชาติ “วัดพรานนก” เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณฺ์สำคัญในการกู้ชาติ

ที่วัดแห่งนี้ยังปรากฎมีรูปปั้นของ “เฒ่าคำ” พรานต่อนกคนสำคัญอยู่ด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจประวัติศาสตร์การเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ยังมี “วัดพิชัยสงคราม” วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ เป็นที่รวมพลครั้งแรก

ส่วน “วัดหันตรา” เป็นวัดที่เกิดการปะทะครั้งแรกระหว่างกองทัพของ “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” กับ กองทัพพม่า จุดเด่นของวัดนี้เห็นจะมีเพียง “โบสถ์มหาอุด” ที่เรียกแบบนี้เพราะมีเพียงแต่ทางเข้าด้านหน้าไม่มีทางออกด้านหลัง.



.......................................
คอลัมน์ : ชำเลืองเมืองโดย “แรมทาง”
ขอบคุณภาพจาก : วิกิพีเดีย , faiththaistory
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/648615
อังคารที่ 12 มิถุนายน 2561 เวลา 10.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ