ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พาทัวร์ดินแดนของคนดี อุตรกุรุทวีป บ้านเกิดของเหมหิรัญญ์  (อ่าน 4289 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29346
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พาทัวร์ดินแดนของคนดี อุตรกุรุทวีป บ้านเกิดของเหมหิรัญญ์

เห็นคำว่า อุตรกุรุทวีป “ดินแดนของคนดี” ปรากฏบนโลกออนไลน์มากมาย จึงทราบว่า อ่อ เป็นคำฮิตที่มาจากละครที่สร้างจากงานเขียนจากปลายปากกาของคุณพงศกรเรื่อง “ลูกไม้ลายสนธยา” ที่เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ต้องขอเท้าความถึงนวนิยายก่อน

นวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายประเภทแฟนตาซี ซึ่งมองว่าเป็นแฟนตาซีในจริตของคนไทยก็ว่าได้ เพราะเนื้อหากล่าวถึงอีกดินแดนหนึ่งในจินตนาการจากความเชื่อของพระพุทธศาสนา คือ ทวีปแห่งหนึ่งที่มีนามแสนไพเราะว่า “อุตรกุรุทวีป”



หลายท่านคงคุ้นชื่อทวีปนี้กันดี ทวีปนี้ไม่มีปรากฏในแผนที่โลกปัจจุบัน แต่ปรากฏในแผนที่ยุคโบราณ และในจิตรกรรมฝาผนังตามวัดวาอาราม เพราะได้รับอิทธิพลมาจากวรรณคดีพุทธศาสนาที่แต่งขึ้นในสมัยสุโขทัยชื่อว่า “เตภูมิกถา” หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อ “ไตรภูมิพระร่วง” ซึ่งเป็นวรรณคดีพระะพุทธศาสนาที่ได้รับอิทธิพลมาจากคัมภีร์อรรถกถา ที่พระพุทธโฆษาจารย์แปลมาจากคัมภีร์อรรถกถาของศรีลังกา

ชาวอุตรกุรุทวีปในจิตรกรรมวัดสุทัศน์

 
พระพุทธเจ้าตรัสถึงอุตรกุรุทวีป

ในพระไตรปิฎกอันเป็นคัมภีร์ที่รองรับพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า ปรากฏเรื่องของอุตรกุรุทวีปอยู่ในสองพระสูตรที่มีชื่อว่า “ฐานสูตร” และ “จูฬนีสูตร” ขอเริ่มเกริ่นเรื่องราวของอุตรกุรุทวีปในฐานสูตรก่อน

ฐานสูตร (อ่านว่า ฐานะ แปลว่า การดำรงอยู่) เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระภิกษุการดำรงอยู่ของมนุษย์ในชมพูทวีป มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป และ เทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

โดยพระองค์ทรงกล่าวว่า มนุษย์ชาวอุตรกุรุทวีป ประเสริฐ (ดี อาจตีความว่า เป็นคนดี) กว่าเทวดาบนสวรรค์ชัั้นดาวดึงส์ และมนุษย์ชาวชมพูทวีป เพราะชาวอุตรกุรุทวีปจะดำรงอยู่ด้วย 3 สิ่ง คือ
     1. ปราศจากความทุกข์
     2. ไม่หวงแหนสิ่งของว่าเป็นของตน
     3. มีอายุยืนยาว (ในไตรภูมิพระร่วงระบุว่า ชาวอุตตรกุรุทวีปมีอายุยืนเป็น 1000 ปี)

จูฬนีสูตร เป็นพระสูตรอีกเรื่องที่กล่าวย้ำถึงการมีอยู่ของอุตรกุรุทวีป พระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ในอดีตครั้งสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระนามว่า “พระสิขีพุทธเจ้า” พระสาวกรูปหนึ่งนามว่า “อภิภู” ได้ทำการเปล่งเสียงของตนให้ดังไปทั่วโลกธาตุนับพันแห่ง แล้วพระพุทธเจ้าทรงสามารถกระทำเช่นนี้ได้หรือไม่

พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า พระพุทธเจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้ถึงแสนโกฏิจักรวาล รวมทั้งแผ่พระรัศมีได้ถึงแสนโกฏิจักรวาลด้วย ในการอธิบายของพระพุทธเจ้าได้ตรัสถึง อุตรกุรุทวีป ว่าเป็นอีกดินแดนหนึ่งที่พระสุรเสียงกับพระรัศมีของพระองค์แผ่ไปร่วมอยู่ด้วย



 
อุตรกุรุทวีป ดินแดนของคนดี

ไตรภูมิพระร่วง กล่าวว่า อุตรกุรุทวีป เป็นดินแดนอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ ชาวอุตรกุรุทวีปมีใบหน้าเป็นสี่เหลี่ยม (แต่พี่ฌอห์ณ จินดาโชติเรา หน้าไม่เหลี่ยม ?) มีสุวรรตบรรพต (ภูเขาทอง) ล้อมรอบทวีปประหนึ่งปราการ คนที่อยู่ในทวีปมีการดำรงชีวิตที่ดีกว่าทวีปอื่น (พระพุทธศาสนาเชื่อว่า มนุษยภูมิ หรือโลกมนุษย์ประกอบด้วยทวีปทั้ง 4 คือ ชมพูทวีป บุรพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป และ อุตตรกุรุทวีป) เพราะชาวอุตรกุรุทวีปเป็นคนมีบุญ เนื่องจากเขารักษาศีล

ชาวอุตรกุรุทวีปไม่มีวันแก่ ผู้หญิงหยุดเติบโตเมื่ออายุได้ 16 ปี ส่วนผู้ชายก็หยุดเติบโตที่อายุ 20 ปี เป็นหนุ่มเป็นสาวไปจนถึงอายุ 1000 ปี แล้วจึงสิ้นบุญ ตรงกับพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่ว่า ชาวอุตตรกุรุทวีปมีอายุยืนยาว ทั้งยังปราศจากโรคภัยเบียดเบียน และไร้ความอัปลักษณ์ ดินแดนนี้จะมีแต่คนหล่อและคนสวยเท่านั้น มิน่าดินแดนแห่งนี้จึงถูกยกเป็นดินแดนในอุดมคติของชาวพุทธ

@@@@@@

การดำรงชีวิตของชาวอุตรกุรุทวีป

ชาวอุตรกุรุทวีปไม่ต้องปลูกข้าวกินเอง เพราะมีข้าวชนิดพิเศษที่ชื่อว่า “สัญชาตสาลี” เป็นข้าวที่สามารถเติบโตขึ้นได้เอง ไม่ต้องหว่านเมล็ด ดังนั้นดินแดนแห่งนี้จะไม่มีอาชีพชาวนา

ข้าวชนิดนี้จะออกรวงเป็นข้าวสาร ตัวข้าวจะไม่มีเปลือกและลำ ไม่ต้องมาตำหรือฝัดข้าวเพื่อให้เปลือกและลำหลุดจากตัวข้าว

พอจะรับประทานข้าว เพียงนำข้าวสารจากต้นสัญชาตสาลีกรอกใส่หม้อทองเหลือง หรือกรอกใส่ผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรูปทรงเหมือนหม้อ เรียกว่า “ตุณหิรกะ” นำไปวางบนหินวิเศษที่มีชื่อว่า “โชติปาสาณ” ไม่นานข้าวก็จะสุกสามารถรับประทานได้ เทียบได้ประหนึ่งหม้อหุงข้าวไฟฟ้าในปัจจุบันเลยก็ว่าได้

หากต้องการเสื้อผ้า เครื่องใช้สอยในชีวิตประจำวัน เพียงแค่คิดสิ่งของเหล่านี้จะไปปรากฏเกิดเป็นผลของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “กัลปพฤกษ์” จากความเชื่อนี้จึงกลายมาเป็นการละเล่นที่พบเจอได้ตามงานวัดและเทศกาลสำคัญคือ “สอยดาว” หรือ “สอยต้นกัลปพฤกษ์” ที่ผู้เล่นต้องเสี่ยงทายสอยหมายเลขที่ผูกติดไว้กับต้นไม้จำลองลงมา เพื่อลุ้นว่าจะได้รับรางวัลเป็นอะไร

ต้นกัลปพฤกษ์ของชาวอุตรกุรุทวีปที่เพียงแต่คิดอยากได้สิ่งใดก็มีปรากฏให้ ไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าทุกอย่างให้เราซื้อ


ต้นกัลปพฤกษ์ในจิตรกรรม วัดพิชยญาติการาม


บ้านของชาวอุตรกุรุทวีปเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีเปลือกเป็นทองคำเรียกว่า “มัญชุสถา” คงมีลักษณะคล้ายตึกหรือคอนโดมิเนียมในโลกปัจจุบัน

เวลาที่ผู้หญิงให้กำเนิดบุตร พวกเธอจะไม่มีอาการเจ็บท้องเลยขณะที่คลอด ยิ่งไปกว่านั้นหากแม่คนไหนใกล้จะคลอด แผ่นดินจะนูนขึ้นมาเป็นแท่นรับรองร่างของเธอไว้ เพื่อให้เธอได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย

เด็กน้อยที่ลืมตาดูโลกก็ไม่มีคราบเมือกเป็นมลทิน คือเด็กเกิดมา แม่ไม่ต้องอาบน้ำให้ลูกเลย เพราะเนื้อตัวจะสะอาดตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่

เวลาให้นมลูก เพียงแม่ยื่นนิ้วเข้าไปในปากของลูก น้ำนมก็ไหลออกจากนิ้ว ถ้าแม่วางลูกไว้ คนมาเห็นเกิดความเอ็นดูก็สามารถป้อนนมเด็กได้จากนิ้วมือเช่นกัน อาจเทียบได้กับการป้อนเด็กด้วยขวดนมในปัจจุบัน

@@@@@@
 
อุปนิสัยของชาวอุตรกุรุทวีป

มีนิสัยยิ้มแย้มตลอดเวลา เพราะไม่มีความทุกข์ ชอบเล่นดนตรี เล่นเพลิดเพลินไปตลอดวัน บางครั้งลงเล่นน้ำ ถอดเสื้อผ้าไว้ที่ฝั่ง พอขึ้นจากน้ำก็ไม่สนใจว่าเสื้อนี้เป็นของใคร เจ้าของเสื้อก็ถือโกรธ ตรงกับพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่ว่า ชาวอุตรกุรุทวีปไม่หวงแหนสิ่งของที่เป็นของตน ชอบถือศีล ซึ่งในพระพุทธศาสนาเชื่อว่าเป็นเหตุที่ทำให้คนอายุยืน ชายหญิงในดินแดนนี้จึงอายุยืน


ชาวอุตรกุรุทวีปในจิตรกรรม วัดพิชยญาติการาม

 
วาระสุดท้ายของชาวอุตรกุรุทวีป

ทุกสรรพสิ่งล้วนมีความเสื่อมและดับ แม้ชาวอุตรกุรุทวีปจะมีความสุข และชีวิตที่ยืนยาว แต่หาได้เป็นอมตะ การตายของชาวอุตรกุรุทวีปสิ้นสุดที่อายุเพียง 1000 ปี ดินแดนนี้ไม่มีพิธีเผาศพเหมือนชมพูทวีป หลังจากมีชาวอุตรกุรุทวีปสิ้นลมไปคนหนึ่ง ชาวอุตรกุรุทวีปจะร่วมกันช่วยอาบน้ำศพให้หอมด้วยกระแจะจันทน์และน้ำมันหอม แล้วตกแต่งด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณอย่างดี นำศพไปวางไว้ในที่ลานโล่งกว้าง นกหัสดีลิงค์จะบินลงมารับศพไปทิ้งยังทวีปอื่น เช่น ชมพูทวีป ด้วยชาวอุตรกุรุทวีปเป็นผู้มีศีล และประพฤติในศีล 5 มาตลอดชีวิต เมื่อสิ้นบุญก็จะไปบังเกิดยังสวรรค์ทันที


นกหัสดีลิงค์

 
ความสัมพันธ์ระหว่างชาวอุตรกุรุทวีปกับชาวชมพูทวีป

คติพระมหาจักรพรรดิราชกล่าวถึงสตรีคู่บุญของพระมหาจักรพรรดิราชว่าเป็นผู้หญิงที่มีบุญ ซึ่งผู้หญิงที่มีบุญญาบารมีเทียบเท่าพระมหาจักรพรรดิราชในชมพูทวีปได้ ต้องเป็นผู้หญิงจากอุตรกุรุทวีป ดังมีปรากฎในไตรภูมิพระร่วงว่า

    "เดชอำนาจพระบุญญาบารมีของพระมหาจักรพรรดิ จะบันดาลให้นางแก้วในแผ่นดินอุตตรกุรุทวีป มาเป็นพระอัครมเหสีคู่บารมีพร้อมด้วยอาภรณ์เครื่องประดับตกแต่งทุกอย่าง ประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ รุ่งเรืองสดใสงดงามยิ่ง โดยเหาะมาเฝ้าทางอากาศ เหมือนนางฟ้าเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ฉะนั้น แล้วเข้าเฝ้าพระยามหาจักรพรรดิราช"

@@@@

ไม่เท่านั้นสตรีจากอุตรกุรุทวีปที่มาแต่งงานกับชาวชมพูทวีป นอกจากพระมหาจักรพรรดิราชก็มีท่านโชติกเศรษฐี ภรรยาของท่านเป็นสตรีจากอุตรกุรุทวีป ในอรรถกถา คาถาธรรมบท เรื่อง พระโชติกเถระ และไตรภูมิพระร่วงได้กล่าวเรื่องนี้ไว้ว่า

ภรรยาท่านโชติกเศรษฐีเป็นสตรีมาจากอุตรกุรุทวีป มีนามว่า “อตุลกายเทวี” นางนำของวิเศษจากดินแดนแห่งนั้นมาด้วยคือ หม้อแกง (คาดว่าจะเป็น ผลตุณหิรกะ) ก้อนหินโชติปาสาณ 3 ก้อน ข้าวสาร 3 ทะนาน และสัญชาติสาลี 2 ทะนาน ซึ่งสามารถหุงให้ท่านเศรษฐีรับประทานได้ตลอดชีวิต

เมื่อท่านโชติกเศรษฐีเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แล้วตัดสินใจออกบวช เทวดาก็เชิญนางอตุลกายเทวีกลับบ้านเกิดของนางคือ อุตรกุรุทวีป ดังเดิม

@@@@

แสดงให้เห็นว่าชาวชมพูทวีปกับชาวอุตรกุรุทวีปยังมีการติดต่อกัน ซึ่งชาวอุตรกุรุทวีปที่มายังชมพูทวีป มีเพียงผู้หญิงที่มาแต่งงานกับบุรุษชาวชมพูทวีปที่เป็นผู้มีบุญบารมีมาก แต่สำหรับนวนิยายเรื่อง ลูกไม้ลายสนธยา บุรุษรูปงามแห่งอุตรกุรุทวีปนามว่า “เหมหิรัญญ์” จะเป็นชายคนแรกแห่งดินแนของคนดีที่จะมาเยือนชมพูทวีป ซึ่งเป็นการแหวกขนบวรรณคดีพระพุทธศาสนาไม่น้อย

ในคติพระพุทธศาสนาสะท้อนแนวคิดเรื่องโลกศาสตร์และจักรวาลวิทยาผ่านจินตนาการ ทวีปทั้งสี่ซึ่งย่อมรวมดินแดนของคนดีอย่างอุตรกุรุทวีปไว้ด้วย จะมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงแล้วจะอยู่ส่วนไหน ตำแหน่งไหนของโลกและจักรวาล อาจหาข้อสันนิษฐานได้ในมุมมองของนักฟิสิกส์ จากหนังสือธรรมะ สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ เรื่อง พุทธจักรวาล





ที่มา : th.wikipedia.org , vajirayana.org , อรรถกถาจูฬนีสูตร
วินัยปิฎก มหาวรรค เรื่องปาฏิหาริย์ , อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่อง พระโชติกเถระ
ผู้แต่ง/ผู้เรียบเรียง : ฟ้าเขียว
ภาพ : e-shann.com , triphom.blogspot.com , seanjinda_official , ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์
ขอบคุณที่มา : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/107400.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2018, 01:05:40 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สาธุ อยากไป อยากไป อยากไปเมืองลับแล  like1 like1
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ