ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "รวยกระจุก จนกระจาย" ไทยกลายเป็นแชมป์เหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก  (อ่าน 1379 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29485
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




"รวยกระจุก จนกระจาย" ไทยกลายเป็นแชมป์เหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก

The Credit Suisse Global Wealth Report 2018 ระบุ คนไทย 1% ถือครองความมั่นคั่ง หรือมีทรัพย์สินรวม 66.9% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ มีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก หลังจากเคยได้อันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน

(5 ธ.ค.) นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)  ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างอิงถึงรายงานของ The Credit Suisse Global Wealth Report 2018 ที่ระบุว่า คนไทย 1% ถือครองความมั่นคั่ง หรือมีทรัพย์สินรวมถึง 66.9% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ เท่ากับว่า คนไทยถึง 95% ถือครองทรัพย์สินเพียง 33.1 ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงมาก และสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

ส่วนประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 2 คือ รัสเซีย โดยประชากร 1 % มีทรัพย์สินรวม 57.1% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ อันดับ 3 ได้แก่ ตุรกี ที่ประชากร 1% มีทรัพย์สินรวม 54.1% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ และอันดับ 4 ได้แก่ อินเดีย ที่ประชากร 1% มีทรัพย์สินรวม 51.5% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ


@@@@@@

และมีเพียง 4 ประเทศข้างต้นเท่านั้น ที่ประชากร 1% มีทรัพย์สินรวมเกินกว่า 50% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ ส่วนประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจต่ำที่สุด คือ เบลเยียม ที่ประชากร 1% มีทรัพย์สินรวม 20.1% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2559) รายงาน The Credit Suisse Global Wealth Report 2016 ได้ระบุว่า ไทยมีความล้ำเหลื่อมสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก โดยคนไทย 1% ถือครองทรัพย์สินรวม 58.0% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ

เเละเมื่อนำรายงานในปี 2016 และ ปี 2018 (พ.ศ. 2561) มาเปรียบเทียบกัน ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความมั่งคงขึ้น แต่คนที่รวยอยู่แล้วต่างหาก ที่รวยยิ่งขึ้นไปอีก ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา



นายบรรยง แสดงความคิดเห็นว่า จากรายงานดังกล่าวยืนยันว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เราอาจจะมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน ทางการเมืองได้ดี แต่ถ้าไม่แก้เรื่องนี้ให้ได้ก็สุ่มเสี่ยงมากกว่า เสถียรภาพทางสังคมจะมีปัญหา

“ที่ยากที่จะกระจาย ก็เพราะว่ามันกระจุกแบบสุดๆ นี่แหละครับ ใครคิดว่า 'รัฐสวัสดิการ' จะช่วยได้ ก็ต้องระวังแหล่งที่มาของเงินที่จะเอามากระจายด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ (80%) เขาก็หาได้แทบไม่พออยู่แล้ว ครั้นจะเอาจากพวก 1% ก็ต้องฝ่ากระบวนการล็อบบี้อันทรงอิทธิพลของเหล่าเจ้าสัวให้ได้ และต้องระวังเขาหอบทรัพย์หนีออกนอกประเทศกันหมดด้วย บางคนบอกว่าเอาจากงบทหารแล้วกัน ทำอย่างนั้นก็เหมือนอยู่บ้านไม้เก่าๆ โทรมๆ แล้วยังไม่ยอมจ่ายเงินซื้อประกันไฟอีก มันเสี่ยงนะครับ"


@@@@@@

ทั้งนี้ อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ยังเสนอแนะว่า การใช้หลักการทุนนิยมเสรีใหม่ บวกรัฐสวัสดิการ (Neoliberalism+Welfare) จะเป็นคำตอบที่สร้างทั้งความเติบโต พร้อมกับการกระจายไปด้วยกัน สังคมนิยม (Socialism) พิสูจน์แล้วว่าใช้ไม่ได้ Keynesian กับเศรษศาสตร์พัฒนาการที่นำโดยรัฐ ก็พาเรามาได้แค่นี้ ก็ติดกับดักมาเป็น 10 ปีอย่างที่เห็น ถ้าดันทุรังกันแบบเดิมๆ แผนยุทธศาสตร์จะกลายเป็นแผนฉุดกระชากชาติไป



ขอบคุณภาพและข่าวจาก :-
https://www.sanook.com/news/7600390/
https://news.thaipbs.or.th/content/276154
ขอขอบคุณภาพ : iStock Photo
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29485
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 :96: :03: :91: :41: :32:

เกิดขึ้นแล้วในไทย เปิดคำทำนาย 16 ข้อ กว่า 2500 ปี ของพระพุทธเจ้า



8. ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย

- ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ



ขอบคุณที่มา : https://inter.tnews.co.th/contents/485770
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2018, 06:56:02 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29485
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เปิดรายงานความเหลื่อมล้ำ ไทยขึ้นเบอร์ 1 โลก แค่ 2 ปี คนรวยรวยขึ้น คนจนแย่ลง

ความเหลื่อมล้ำ – นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Banyong Pongpanich เปิดเผยข้อมูล เรื่องความเหลื่อมล้ำ ปรากฎว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับ 1 ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก ได้ความว่า


ภาพจากอีจัน


ว่าด้วยความเหลื่อมล้ำ… 5 ธ.ค.61

ประเทศไทย กลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลกไปแล้ว …ตามข้อมูลของ CS Global Wealth Report 2018 ที่ออกมาเมื่อเดือนตุลาคม มีข้อมูลที่น่าเป็นห่วงมากว่า ถ้านับในด้านความมั่งคั่ง(Wealth)แล้ว ไทยแลนด์แดนสารขัณฑ์ที่ได้อันดับ 3 ในการสำรวจเมื่อสองปีที่แล้ว สามารถแซงทั้งรัสเซีย ทั้งอินเดีย ฉลุยขึ้นป้ายอันดับ 1 ได้อย่างค่อนข้างห่างด้วยซ้ำ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (2016) คนไทย 1% มีทรัพย์สินรวม 58.0% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ มาปีนี้(2018) 1% มีเพิ่มเป็น 66.9% รวยขึ้นอื้อเลยครับ …แซงรัสเซียที่ลดจาก 78% เหลือแค่ 57.1% ตกไปเป็นที่2 ขณะที่ตุรกีมาแรงทั้งๆที่เศรษฐกิจห่วยแตกแต่คนรวยกลับเพิ่มสัดส่วนขึ้นได้เป็น54.1% แซงอินเดียที่ตกไปเป็นที่4 จาก 58.4% เหลือแค่เพียง 51.5%

แล้วนอกจาก 4 ประเทศนี้ ก็ไม่มีประเทศไหนในโลกอีกแล้วที่คนรวย 1% มีเกินครึ่ง โดยประเทศที่ดีที่สุดคือเบลเยี่ยมที่ 1% มีแค่ 20.1% ตามด้วยออสเตรเลีย 22.4% (ดูตาราง40ประเทศด้านล่าง)



ภาพจากอีจัน

พอไปดูรายละเอียดของตาราง(table6.5) ยิ่งอยากเอาเท้าก่ายหน้าผากเข้าไปใหญ่ …เพราะคนไทยที่จนสุด 10% มีทรัพย์สิน0% (จริงๆถ้ารวมหนี้น่าจะติดลบนะครับ) …ขณะที่ถ้านับ 50% (25ล้านคน)ก็ยังมีแค่ 1.7% …และถ้าเอา70% (35ล้านคน) ก็เพิ่มไปเป็นแค่ 5%

…ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับเพราะว่าไอ้ 1% มันเอาไปหมด …แต่ที่น่ากังวลก็คือมันสะท้อนว่า คนครึ่งประเทศ เป็นพวก”หาเช้ากินค่ำ”หรือไม่ก็”เดือนชนเดือน” ไม่มีเหลือเก็บเหลือออม แล้วแถมกำลังจะแก่ก่อนมีเงินออมซะอีกด้วย



ภาพจากอีจัน

ถ้าไปดูตัวเลขค่าสัมประสิทธิ์GINIด้านความมั่งคั่ง (มาตรวัดการกระจาย ที่ค่าสูงสุด100 หมายถึงคนเดียวเอาไปหมด ถ้า0 แปลว่าทุกคนเท่ากันหมด) ตามtable6.6 ก็ยืนยันว่าประเทศไทยนั้นเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลกเพราะGINI เราสูงถึง90.2 ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นสถิติโลกที่คงหาคนทำลายได้ยาก

อย่างไรก็ตาม รายงานนี้ยืนยันว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เราอาจจะมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน ทางการเมืองได้ดี แต่ถ้าไม่แก้เรื่องนี้ให้ได้ก็สุ่มเสี่ยงมากครับว่า เสถียรภาพทางสังคมจะมีปัญหา

@@@@

ที่ยากจะกระจาย ก็เพราะว่ามันกระจุกแบบสุดๆนี่แหละครับ ใครคิดว่า”รัฐสวัสดิการ”จะช่วยได้ ก็ต้องระวังแหล่งที่มาของเงินที่จะเอามากระจายด้วยนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่(80%)เขาก็หาได้แทบไม่พออยู่แล้ว

ครั้นจะเอาจากพวก1% ก็ต้องฝ่ากระบวนการล็อบบี้อันทรงอิทธิพลของเหล่าเจ้าสัวให้ได้ และต้องระวังเขาหอบทรัพย์หนีออกนอกประเทศกันหมดด้วย บางคนบอกว่าเอาจากงบทหารแล้วกัน ทำอย่างนั้นก็เหมือนอยู่บ้านไม้เก่าๆโทรมๆแล้วยังไม่ยอมจ่ายเงินซื้อประกันไฟอีก …มันเสี่ยงนาครับ

@@@@

ถามผมว่าอะไรคือคำตอบ …ผมก็ขอนำเสนอว่าให้ใช้หลักการ ทุนนิยมเสรีใหม่+รัฐ

สวัสดิการ(Neoliberalism+Welfare) นี่แหละครับ สร้างทั้งความเติบโต พร้อมกับการกระจายไปด้วยกัน สังคมนิยม(Socialism)พิสูจน์แล้วว่าไม่เวิร์ก Keynesian กับเศรษศาสตร์พัฒนาการที่นำโดยรัฐก็พาเรามาได้แค่นี้แล้วก็ติดกับมาเป็น 10 ปีอย่างที่เห็นน่ะครับ ถ้าดันทุรังกันแบบเดิมๆ แผนยุทธศาสตร์จะกลายเป็นแผนฉุดกระชากชาติไป

รายละเอียดเป็นอย่างไร ต้องสารภาพว่าผมก็ไม่รู้หมดหรอกครับ แถมการขับเคลื่อนก็ยากเย็น(ก็ไอ้พวก1%มันไม่ยอมง่ายๆนี่ครับ) ผมเองก็พิสูจน์แล้วว่าทำไม่เป็น ทำไม่สำเร็จ …ไม่งั้นป่านนี้ไปลงสมัครเลือกตั้ง



ภาพจากอีจัน


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://ejan.co/news/5c08bf2ba640a
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ