“เอตทัคคะ” ในพระพุทธศาสนา คืออะไร.?สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา (15) : ตำแหน่งที่ทรงแต่งตั้งครั้งแรกมีคำในพระพุทธศาสนาเรียกว่า “เอตทัคคะ” (มาจาก เอต=นั้น บวก อัคคะ=เลิศ) แปลตามตัวอักษรว่า นั้นเป็นเลิศ หรือเลิศในทางนั้น ทางนั้นน่ะ ทางไหน ก็ทางที่ผู้นั้นเป็นเลิศทั้งนั้นแหละ
ตอบแบบนี้ ก็ไม่ได้ความกระจ่างแต่อย่างใด คือสมัยพุทธกาลในยุคต้นๆ ก็มิได้มีตำแหน่งแห่งที่อะไร เมื่อมีพระสาวกอรหันต์เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ละรูปก็มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวแตกต่างกันไป
พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าแต่ละท่านต่างก็มีความสามารถหรือความถนัดแตกต่างกัน ล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งนั้น จึงทรงประกาศให้ทราบว่า พระสาวกรูปนั้นๆ เป็นผู้มีคุณสมบัติเลิศกว่าผู้อื่นในทางนั้นๆ ให้เป็นที่รับทราบโดยทั่วไป
ในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต ได้ประมวลตำแหน่งเอตทัคคะ ที่ทรงประกาศแต่งตั้งทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หลายตำแหน่ง แต่เมื่อตรวจดูแล้วก็มีไม่ครบจำนวนเท่าที่เรารับทราบกัน
อย่างตำแหน่งพระเถระก็มีเพียง 47 รูป (เท่าที่รับทราบกันมีถึง 80 รูป เรียกอสีติมหาสาวก) เข้าใจว่าการประกาศแต่งตั้งคงมิได้ประกาศครั้งเดียว คงทยอยประกาศเป็นระยะๆ เมื่อมีบุคคลผู้มีคุณสมบัติพิเศษเกิดขึ้น
@@@@@@
ตําแหน่งอัครสาวกเบื้องขวา-เบื้องซ้าย เข้าใจว่าคงทรงประกาศแต่งตั้งในยุคแรกๆ ที่ประกาศพระพุทธศาสนาที่แคว้นมคธ เพราะในช่วงแรกที่ประกาศพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงต้องการ “มือ” ช่วยทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เมื่อเห็นท่านอุปติสสะกับโกลิตะเดินเข้าสำนักมา ยังมิทันได้รับการอุปสมบทเลย พระองค์ก็ทรงชี้ให้พระสงฆ์ดูพร้อมตรัสว่า “สองคนนั้นจะได้เป็นคู่แห่งอัครสาวกของเรา”
ขอเท้าความเรื่องที่เคยเขียนถึงมาหลายครั้งอีกครั้งหนึ่ง อย่าหาว่าเขียนแบบ “พูดติดอ่าง” เลยขอรับ เมื่ออุปติสสะกับโกลิตะ สองสหายเห็นความไร้สาระแห่งชีวิต อยากแสวงหาสิ่งที่ประเสริฐเหมาะสำหรับชีวิตของตน ทั้งสองจึงพากันออกจากบ้านไปแสวงหาครูอาจารย์ที่จะช่วยบอกทางสว่างให้
แม้ว่าตอนหลังจะมาศึกษาปฏิบัติอยู่กับอาจารย์สัญชัย เวลัฏฐบุตร เจ้าลัทธิปรัชญาที่มีชื่อเสียง ก็รู้สึกว่ามิใช่แนวทางที่ตนต้องการ จึงแยกย้ายกันไปเพื่อแสวงหาอาจารย์ต่อ โดยสัญญากันว่าใครพบก่อนก็ให้มาบอกอีกฝ่ายหนึ่ง
เช้าวันหนึ่ง อุปติสสะมาณพได้พบพระอัสสชิ น้องสุดท้องของปัญจวัคคีย์ กำลังเดินบิณฑบาตอยู่ประทับใจในความสงบสำรวมของท่าน คิดในใจว่า ท่านผู้นี้ต้อง “มีดี” แน่นอน จึงรีรอโอกาสจะเข้าไปสนทนา เห็นว่าท่านยังเดินภิกขาจารอยู่จึงมิกล้าเข้าไปสนทนา
@@@@@@
ต่อเมื่อท่านเดินออกจากเมือง กำลังหาทำเลจะฉันอาหาร จึงเข้าไปสนทนาด้วย ขอร้องให้ท่านสอนธรรม พระอัสสชิได้กล่าวคาถา “เยธัมมาฯ” อันแสดงถึงหัวใจแห่งอริยสัจสี่ให้ฟังแต่ย่อๆ
อุปติสสะได้ฟังก็เกิด “ดวงตาเห็นธรรม” รู้ว่าท่านอัสสชิเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดีใจอยากจะไปบวชเป็นสาวกของพระองค์บ้าง จึงรีบไปบอกแก่โกลิตะผู้สหาย กล่าวคาถานั้นให้โกลิตะฟัง โกลิตะก็ได้เกิด “ดวงตาเห็นธรรม” เช่นกัน ทั้งสองถึงพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลขอบวช
ขณะนั้นพระพุทธองค์ประทับนั่งท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ทอดพระเนตรเห็นสองท่านกำลังเดินเข้าพระวิหารเวฬุวันมา จึงทรงชี้ไปที่ท่านทั้งสองพร้อมตรัสข้อความดังกล่าวมาแล้วข้างต้น คงไม่ต้องคิดว่า ทำไมพระพุทธองค์ตรัสว่าจะตั้งให้ท่านทั้งสองเป็นพระอัครสาวก เพราะทรงเห็นแก่หน้าหรือเพราะทรงมีพระเมตตาเป็นพิเศษหรืออะไร
@@@@@@
เหตุผลที่สำคัญก็คือ พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าทั้งสองนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพราะ
1. ท่านทั้งสองเป็นพราหมณ์ผู้จบไตรเพทมาก่อน
2. ท่านทั้งสองจบปรัชญาลัทธิ “อมราวิกเขปิกา” จากอาจารย์สัญชัย เวลัฏฐบุตร ที่เน้นการโต้ตอบใช้วาทะหักล้างกัน และ
3. ท่านทั้งสองเมื่อมาบวชในพระพุทธศาสนาได้บรรลุพระอรหัตแล้ว ก็จะเป็นผู้มีคุณสมบัติประเภทที่เรียกว่า “รู้เขา-รู้เรา” เหมาะสมในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี
หลังจากท่านอุปติสสะและโกลิตะได้อุปสมบทแล้วอุปติสสะได้นามเรียกขานในหมู่สงฆ์ว่าพระสารีบุตร โกลิตะได้นามว่าพระโมคคัลลานะ 7 วันหลังจากอุปสมบท พระโมคคัลลานะได้บรรลุพระอรหัต 14 วันหลังจากอุปสมบท พระสารีบุตรก็ได้บรรลุพระอรหัต
@@@@@@
พระพุทธองค์ได้ทรงประกาศแต่งตั้งทั้งสองท่านเป็นอัตราสาวกขวา-ซ้าย โดยพระสารีบุตรเป็นเอตทัคคะ (เลิศกว่าผู้อื่น) ทางด้านมีปัญญามากเป็นอัครสาวกเบื้องขวา พระโมคคัลลานะเป็นเอตทัคคะทางด้านมีฤทธิ์มากเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
พระบาลีในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต มีว่าดังนี้ “เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขุนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ สารีปุตฺโต อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหโมคฺคลฺลาโน ภิกษุทั้งหลายบรรดาภิกษุสาวกของเรา ผู้มีปัญญามากสารีบุตรเป็นเลิศ บรรดาภิกษุสาวกของเรา ผู้มีฤทธิ์ มหาโมคคัลลานะเป็นเลิศ”
ตำแหน่งอัครสาวกเบื้องขวาเบื้องซ้าย เข้าใจว่าเป็นตำแหน่งแรกที่พระพุทธองค์ทรงแต่งตั้งที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2562
คอลัมน์ : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผู้เขียน : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เผยแพร่ : วันพฤหัสที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2562
ขอบคุณ :
https://www.matichonweekly.com/column/article_213978