ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าดูหมิ่นว่า เป็นการทำบุญ ที่เล็กน้อย  (อ่าน 796 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29345
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อย่าดูหมิ่นว่า เป็นการทำบุญ ที่เล็กน้อย

ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ในกรุงสาวัตถี อันเป็นอารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเรื่อง การทำบุญ และอานิสงส์ที่ส่งผลให้ผู้ทำทานได้สมบัติ 2 ประการ คือ โภคสมบัติ และบริวารสมบัติ

พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเรื่องนี้ไว้ว่า “อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย คนที่ทำทานแล้วไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทำทาน ย่อมได้โภคสมบัติเพียงอย่างเดียว บางคนไม่ยอมทำทาน และไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทำทาน เขาย่อมไม่ได้สมบัติอะไรเลย ชาติต่อไปจะเกิดเป็นขอทาน เที่ยวขอเศษอาหารจากผู้อื่นกินประทังชีวิต แต่หากเป็นคนที่ทำทาน และชักชวนผู้อื่นให้ทำทาน สมบัติทั้งสอง (โภคสมบัติและบริวารสมบัติ) ย่อมเกิดขึ้นแก่คนผู้นั้น”  (สามารถศึกษาเรื่องกรรมที่ทำให้เกิดเป็นขอทานได้ที่ >>> อานนทเศรษฐี คนรวยผู้กลับชาติมา เกิดเป็นขอทาน)

ในบรรดาสาธุชนที่กำลังฟังธรรมอยู่นั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดปรารถนาอยากได้ซึ่งโภคสมบัติและบริวารสมบัติอย่างแรงกล้า จึงทูลนิมนต์พระบรมศาสดาและพระภิกษุทั้งหมดในพระเชตวันไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตนในวันพรุ่งนี้ พระพุทธองค์ทรงรับนิมนต์ เพราะทรงทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้เข้าใจในคำสอนของพระองค์

@@@@@@

ชายหนุ่มได้ชักชวนให้ชาวเมืองมาร่วมถวายภัตตาหารพระพุทธเจ้าและพระสาวกที่บ้านตนในวันพรุ่งนี้ หรือจะฝากวัตถุทานให้ตนเป็นตัวแทนถวายให้ก็ได้ เศรษฐีคนหนึ่งได้ยินเสียงชายหนุ่มเชิญชวนคนให้ไปทำบุญที่บ้านของตน ก็บังเกิดความเกลียดชังชายหนุ่มว่าเป็นคนที่ไม่ประมาณตน เขาไม่ได้เป็นคนร่ำรวยอะไรเลย แต่ทำไมถึงกล้านิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้า และพระภิกษุทั้งหมดมาฉันภัตตาหารที่บ้าน

เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าร้านของเศรษฐี เศรษฐีร้องขอให้เขาหยุด แล้วตนก็หยิบข้าวสาร ถั่วเขียว ธัญพืช น้ำอ้อย ข้าวยาคู อย่างละหยิบมือใส่ในภาชนะแล้วมอบให้กับชายหนุ่ม เศรษฐีกล่าวขอฝากวัตถุทานในภาชนะนี้ฝากถวายพระพุทธองค์และพระสาวกทั้งหลายด้วย ชายหนุ่มน้อมรับแล้วนำไปแยกไว้ส่วนหนึ่ง

เศรษฐีจึงวานให้คนสนิทไปจับตาดูพฤติกรรมของชายหนุ่ม เมื่อคนของเศรษฐีสะกดรอยตามไปถึงที่บ้านของชายหนุ่ม เขาก็ได้เห็นว่า ชายหนุ่มได้กล่าวอนุโมทนาบุญกับวัถตุทานที่เศรษฐีฝากให้ตนนำไปถวายพระพุทธองค์และพระสาวกในวันพรุ่งนี้ เมื่อเศรษฐีทราบดังนั้นก็เกิดความอับอาย เพราะตนเป็นถึงเศรษฐีแต่ดันฝากวัตถุทานอันน้อยนิดไปทำบุญ  ถ้าชายหนุ่มเอ่ยชื่อของตนต่อหน้าธารกำนัลในวันพรุ่งนี้ตนจะสังหารเขาเสีย


@@@@@@

เมื่อวันที่ชายหนุ่มนิมนต์พระพุทธเจ้าและพระสาวกไว้มาถึง เศรษฐีได้พกกริชติดตัวไปด้วย พระพุทธองค์เสด็จมาถึงพร้อมกับพระสาวกทั้งพระเชตวัน ชายหนุ่มได้นำวัตถุทานจำนวนมากมายที่สาธุชนฝากมาถวาย กองไว้หน้าพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า

ชายหนุ่มได้กล่าวขึ้นว่า วัตถุทาน อันมีข้าวสารเป็นต้นนี้ มาจากแรงศรัทธาของสาธุชนทั้งหลาย ขอให้อานิสงส์แห่งการถวายทานในครั้งนี้จึงมีแด่ชนทั้งหลายที่เป็นเจ้าของวัตถุทานนั้นเถิด

เมื่อเศรษฐีได้ยินดังนั้น ใจที่คิดจะฆ่าชายหนุ่มเพราะความอับอาย กลับกลายเป็นจิตที่เบ่งบานและเปล่งเสียงอนุโมทนาขึ้น เขาได้ก้มกราบลงที่เท้าของชายหนุ่มเพราะสำนึกในความผิดที่ตนคิดอกุศลต่อชายหนุ่ม

พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดด้วยพระญาณ พระองค์ตรัสขึ้นว่า“แม้วัตถุทานจะน้อยนิด แต่เมื่อนำมามอบให้แก่ตถาคตและพระสาวกทั้งหลาย อานิสงส์ย่อมมีมากเป็นอเนกอนันต์ เช่นนั้นขออย่าได้ดูหมิ่นอีกเลยว่าเป็นการทำบุญที่เล็กน้อย”


 

ที่มา : อรรถกถา ธรรมบท เรื่องเศรษฐีชื่อพิฬาลปทกะ
ภาพ : https://pixabay.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/175253.html
By nintara1991 ,23 September 2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2019, 06:24:21 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ