ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 8 วัดสู่วัดเชิงนิเวศ ต้นแบบวิถีชุมชน  (อ่าน 804 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
8 วัดสู่วัดเชิงนิเวศ ต้นแบบวิถีชุมชน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2019, 09:10:03 am »
0




8 วัดสู่วัดเชิงนิเวศ ต้นแบบวิถีชุมชน

"สมาคมเพื่อนชุมชน" ยกระดับ 8 วัด สู่วัดเชิงนิเวศ ต้นแบบวิถีชุมชน พร้อมดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของระยอง

สมาคมเพื่อนชุมชน ยกระดับศาสนสถาน ผ่าน “โครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการจัดการสิ่งแวดล้อมในวัด จังหวัดระยอง” นำไปสู่การพัฒนาวัดเชิงนิเวศ (Eco Temple) องค์ประกอบสำคัญของเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งมีวัดที่ผ่านการประเมินจำนวน 8 วัด ด้วยเกณฑ์ 5 ด้าน ได้แก่ ความสะอาดและความเป็นระเบียบ พื้นที่สีเขียว การจัดการสิ่งแวดล้อม กิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมความรู้ด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม และ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมผลักดันเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วิถีชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของระยอง

นายมนชัย รักสุจริต ผู้จัดการสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า จังหวัดระยองมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทะเล น้ำตก ตลอดจนสวนผลไม้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ รวมถึงวัด ซึ่งไม่ใช่เพียงศาสนสถานที่เคารพบูชาเท่านั้น แต่สมาคมเพื่อนชุมชน และหน่วยงานรัฐในท้องถิ่น พยายามผลักดันให้เป็นวัดเชิงนิเวศ (Eco Temple) ตามแนวทางการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งการที่จะเป็นวัดเชิงนิเวศได้นั้น ต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ วัดสุขภาพดี วัดสิ่งแวดล้อมดี และวัดอนุรักษ์พลังงาน



นายมนชัย กล่าวต่อว่า สมาคมเพื่อนชุมชน ได้ทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา รวมทั้งเป็นสื่อกลางประสานงานระหว่าง วัด ชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม และองค์กรภาครัฐ ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง เพื่อยกระดับเป็นวัดเชิงนิเวศ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมโดยรวม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) ผ่าน “โครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการจัดการสิ่งแวดล้อมในวัด จังหวัดระยอง” โดยวัดที่ผ่านเกณฑ์การจัดการสิ่งแวดล้อม มีทั้งหมด 8 วัด ประจำปี 2561  ได้แก่

1.วัดตะเคียนทอง ตั้งอยู่ ต.แกลง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม!!
2.วัดกรอกยายชา ตั้งอยู่ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม!!
3.วัดหนองสนม ตั้งอยู่ ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม!!
4.วัดเขาไผ่ ตั้งอยู่ ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม!!
5.วัดโขดหิน ตั้งอยู่ ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม!!
6.วัดหนองแฟบ ตั้งอยู่ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีมาก
7.วัดตากวน ตั้งอยู่ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีมาก
8.วัดห้วยโป่ง ตั้งอยู่ ต.ห้วยโป่ง-มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้รับรางวัลเกณฑ์ ดี

ทั้งนี้ สิ่งที่สมาคมเพื่อนชุมชน คาดหวังคือ เมื่อศาสนิกชนมาเยือน นอกจากจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไหว้พระ ทำกิจกรรมทางศาสนาเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ยังเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับศาสนิกชน โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวพร้อมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีที่มีต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกทางหนึ่ง เพื่อมุ่งให้คนในสังคมกินดีอยู่ดีให้สมกับวิสัยทัศน์ของสมาคมเพื่อนชุมชนที่ว่า “บ้านเราน่าอยู่ สังคมยั่งยืน” นายมนชัย กล่าว


พระมหายุทธนา ธมฺมวํโส เจ้าอาวาสวัดหนองสนม และเจ้าคณะตำบลทับมา กล่าวว่า เดิมทีการเข้าร่วม “โครงการบูรณาการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัด จังหวัดระยอง” ทางวัดหวังเพียงให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้นภายในวัด แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการก็มีคณะกรรมการจากสมาคมเพื่อนชุมชนเข้ามาให้คำแนะนำในการพัฒนาวัดให้เป็นวัดสีเขียว และวัดเชิงนิเวศ ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความสะอาด ด้านพื้นที่ที่เป็นสีเขียว ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ด้านส่งเสริมความรู้ด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วม จนทำให้วัดหนองสนมได้รับรางวัลเกณฑ์ ดีเยี่ยม

เจ้าอาวาสวัดหนองสนม กล่าวต่อว่า ทางวัดใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการจัดการและสร้างความเข้าใจให้กับพระ เณร คณะกรรมการวัด ตลอดจนญาติโยมในชุมชน ช่วงแรกอาจมีอุปสรรคบ้าง อย่างการจุดธูปเทียนที่เป็นความเคยชินของพุทธศาสนิกชน ทางวัดก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบว่าควันธูปนั้นมีอันตรายต่อสุขภาพ หรือการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ เศษขยะจำพวกใบไม้ที่แต่เดิมเคยเผาแล้วกลายเป็นมลพิษนั้น ปัจจุบันก็ได้จัดการนำไปทำเป็นปุ๋ยใบไม้ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ภายในวัดและยังแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในชุมชนได้อีก

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากความร่วมมือ คำแนะนำ และการระดมความคิดจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาคมเพื่อนชุมชน วัด ชาวบ้าน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเมื่อวัดพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ก็เป็นความภาคภูมิใจของชุมชน และมีตัวแทนจากวัดในต่างพื้นที่มาศึกษาดูงาน เพราะนอกจากเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา สถานที่ท่องเที่ยว เรายังเป็นแหล่งต้นแบบในการดำเนินชีวิตของวิถีชุมชนอีกด้วย พระมหายุทธนา กล่าวทิ้งท้าย



ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/744271
ศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.10 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ